การผลิตในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดในซัพพลายเชน ตลอดจนการขาดแคลนทักษะแรงงาน และกระบวนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถขจัดความสูญเปล่าเหล่านี้ออกไปจากธุรกิจการผลิตที่มีมูลค่ามหาศาลและมีความอ่อนไหวสูงภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจยุคปัจจุบัน AIS Business จึงพัฒนาโซลูชันร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดตั้งศูนย์ AIS EEC เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของโรงงานและภาคธุรกิจบนพื้นฐานของดิจิทัลที่มีความโปร่งใส มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถตอบสนองต่อความท้าทายได้อย่างทันท่วงทีภายใต้ความคุ้มค่าที่สัมผัสประสบการณ์ได้อย่างชัดเจน
ลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจการผลิตด้วย Digital Ecosystem จาก AIS Business
ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในระดับภูมิภาคที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจการผลิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงการค้าที่เกิดจากนโยบายระหว่างประเทศ การขาดแคลนทักษะแรงงาน ความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน ตลอดจนความต้องการของตลาดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการตอบสนองต่อปัจจัยที่หลากหลายเหล่านี้ต้องการข้อมูลที่โปร่งใส ชัดเจน และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัลกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนพาธุรกิจฝ่าคลื่นพายุของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
แต่การทำ Digital Transformation หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในโรงงานก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อย หากเป็นโรงงานตั้งใหม่ที่มีงบทุนอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลมาก ในขณะที่โรงงานที่มีอยู่สามารถเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเฉพาะจุดที่มีความเร่งด่วนหรือจำเป็นก่อน ซึ่งแต่เดิมอาจจะใช้งานเทคโนโลยีกลุ่ม OT (Operational Technology) เป็นหลัก ในขณะที่ IT (Information Technology) มักจะเป็นงานในสำนักงานมากกว่า Shopfloor แต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงยุคใหม่นั้นเทคโนโลยี IT ต้องมีการทำงานควบคู่กับ OT อย่างใกล้ชิด และในขณะเดียวกันก็ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT เพื่อรองรับการทำงานในระดับโรงงานที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น เทคโนโลยีสำหรับรูปแบบการเชื่อมต่อที่เหมาะสม ระบบหรือแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูล เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์สำหรับการจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชันการใช้งานที่เหมาะสมกับธุรกิจ และประเด็นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แตกต่างออกไปจากความปลอดภัยที่โรงงานคุ้นชินอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจกังวลเรื่องต้นทุนและความสามารถของทักษะในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้
เพื่อสนับสนุนธุรกิจการผลิตให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล AIS Business จึงได้พัฒนาโซลูชันด้านโครงข่ายพื้นฐานสำหรับดิจิทัลร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายการผลิต ทำให้เกิด Ecosystem ที่สามารถลดต้นทุน ลดระยะเวลา และเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขัน เช่น โครงข่าย 5G ที่มีความรวดเร็วในการตอบสนองสูงและสามารถปรับตั้งค่าคุณสมบัติการทำงานได้, MEC ที่ช่วยประมวลผลผ่านเครือข่ายและลดต้นทุนสำหรับการตั้งหน่วยประมวลผลภายในโรงงาน หรือ AIS PARAGON Platform ที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ช่วยลดระยะเวลา รวมถึงต้นทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลที่จะลงทุนในทุกภาคส่วนด้วยตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแอปพลิเคชัน ไปจนถึงการดูแลแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประเด็นเหล่านี้โรงงานที่มองเห็นภาพรวมอาจเกิดความกังวลในการลงทุนเอง ในขณะที่โรงงานซึ่งมีความเข้าใจที่ไม่ครบภาพอาจเกิดปัญหาในการวางรากฐานและต่อยอดให้ยั่งยืนได้
หนึ่งในกรณีความสำเร็จล่าสุดที่เกิดขึ้น คือ โรงงาน Midea ในประเทศไทย ที่มีพื้นที่กว่า 2 แสนตารางเมตรได้เป็นโรงงาน 5G Fully Connected แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการเชื่อมต่อด้วย 5G Dedicated Private Network เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรในระบบดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย Network Slicing ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน AMR ที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากถึง 55% และลดเวลาในการหาสินค้าลง 80% หรือการใช้งานหุ่นยนต์ที่สามารถควบคุมระยะไกลได้แบบ Real-Time และการใช้ 5G AI Inspection ในการตรวจสอบแผงวงจรที่แม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีอีกหลายกรณีการใช้งานจริงที่ยืนยันได้แล้วของ AIS Business
และเพื่อให้โรงงานตลอดจนบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ที่มีการใช้งานแล้วได้มากยิ่งขึ้นจึงเกิดเป็นศูนย์ AIS EEC ซึ่งเป็น 5G NEXTGEN Center ขึ้นมาที่ Thailand Digital Valley ในพื้นที่ของ EEC ซึ่งมี depa เป็นหัวเรือใหญ่คอยดูแลและสนับสนุนอยู่นั่นเอง
AIS EEC ศูนย์รวมประสบการณ์ด้านดิจิทัลและการพัฒนาโซลูชันบน 5G mmWave 26 GHz สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่
ภายใต้แนวคิดของเศรษฐกิจแบบแบ่งปันของ AIS Business ที่ทำให้ธุรกิจการผลิตและประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน การเติบโตที่เกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรที่ช่วยส่งเสริมกันในเรื่องที่ตนเองนั้นเชี่ยวชาญ ซึ่ง AIS Business มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจ และมองเห็นว่าการทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างแต่ละอุตสาหกรรมขึ้นมาจะทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของพันธมิตรจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและองค์กรที่เป็นฝ่ายสนับสนุนและกำกับนโยบาย อาทิ depa, EEC, Nectec, SMC, MARA, TARA, TGI และหน่วยงานเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับสากล เช่น MITSUBISHI ELECTRIC, Schneider Electric, SIEMENS, Microsoft รวมถึงผู้ให้บริการโซลูชันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันยุคดิจิทัลขึ้น ตั้งแต่โครงสร้างหลักในเรื่องการศึกษา ไปจนถึงการลงทุน และประยุกต์ใช้ในโรงงานจริง ทำให้เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ AIS EEC ขึ้นมา
AIS EEC หรือชื่อเต็ม คือ AIS Evolution Experience Center เป็นศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจด้วยการนำเสนอประสบการณ์ Digital Transformation ที่ทุกคนสามารถจับต้องได้เพื่อทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ และการมองเห็นความเป็นไปได้ที่แตกต่างออกไป ทั้งยังเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีห้องแล็บสำหรับทดสอบการใช้งานแอปพลิเคชันบนพื้นฐานของ 5G Dedicated Network โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ให้ได้เรียนรู้ พูดคุยปรึกษา และจัดกิจกรรมเพื่อเร่งการเติบโตของศักยภาพด้านดิจิทัลในประเทศไทย ประกอบไปด้วยพื้นที่จัดแสดงประสบการณ์ด้านดิจิทัลโซลูชันที่ AIS Business ได้มีการดำเนินการร่วมกับพันธมิตรแล้ว, พื้นที่สำหรับจัดการอบรมสัมมนา และพื้นที่สำหรับวิจัยพัฒนาที่เปิดรับทั้งโรงงานและ SI ในฐานะ Testbed ที่มีศักยภาพสูงอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ EEC ถัดจากวังจันทร์วัลเลย์
5G mmWave 26 GHz และ Paragon Platform พื้นที่ทดสอบโซลูชันระดับพรีเมียมที่หาได้ยาก
หนึ่งในหัวใจของ AIS EEC คือ 5G mmWave 26 GHz ที่เป็นคลื่นความถี่แบนด์วิธสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรจำนวนมากและมีกิจกรรมการเชื่อมต่อเกิดขึ้นมหาศาล ซึ่งหาที่ทดสอบการใช้งานได้ยาก การทดลองทำโซลูชันต้นแบบในห้องแล็บของ AIS EEC จึงรองรับการใช้งาน พัฒนา และทดสอบบนเครือข่ายความเร็วสูงที่มาพร้อมกับ Platform AIS Paragon และ EDGE Computing รองรับงานประมวลผลในพื้นที่ ช่วยให้ SI หรือผู้พัฒนาโซลูชันสามารถนำอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ มาทดสอบคุณสมบัติทั้งเครือข่าย รวมถึงการประมวลผลที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และข้อมูลงานในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย
สัมผัสประสบการณ์และโซลูชันด้านดิจิทัลสำหรับโรงงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง!
นอกเหนือไปจากห้องแล็บที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G ระดับพรีเมียมแล้ว AIS EEC ยังมาพร้อมกับพื้นที่จัดแสดงโซลูชันให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์ด้านดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจได้โดยตรง โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน 8 สถานี ได้แก่ Digital Infrastructure & Platform, Digital Industry Evolution, Sustainable Nation และ Modern Business Transformation ซึ่งโซลูชันทั้งหมดนี้สามารถนำมาบริหารใช้งานร่วมกันได้ แม้ว่าจะมีการจัดแสดงโซลูชันแยกตามสถานีก็ตาม
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมนั้นมีสถานี Digital Manufacturing และสถานี Automation & Robotics ที่ครอบคลุมหลากหลายโซลูชันในการใช้งานสำหรับภาคการผลิตที่มีการใช้งานจริงแล้ว โดยโซลูชันทั้งหมดนั้นเป็นความร่วมมือระหว่าง AIS Business และพันธมิตรที่เชื่อมต่อผ่าน 5G ที่สามารถทดลองใช้งานได้ในศูนย์ฯ ซึ่งผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถทดลองใช้งานได้จริง โดยแบ่งออกเป็นโซลูชัน ดังนี้
Digital Manufacturing
- แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิต ช่วยในการเก็บข้อมูลจากเครื่องจักรและสายการผลิตจริง เพื่อให้สามารถทำ OEE และวางแผนซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เห็นความแตกต่างของการใช้ข้อมูลดิจิทัลและข้อมูลที่ยังเป็นกายภาพอย่างกระดาษเอกสารได้อย่างชัดเจน
- Smart Maintenance ที่เป็นการใช้เทคโนโลยี Reality เพื่อการทำ Remote Maintenance และการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตรวจท่อในอาคารโดยการ Mapping ตำแหน่ง
- AI Autonomous Drone โซลูชันที่พัฒนาร่วมกับ ARV เพื่อทำให้สามารถควบคุมโดรนผ่าน 5G แทนสัญญาณวิทยุที่มีระยะสั้น ปลดล็อกข้อจำกัดในการใช้งานทั้งระยะทางการควบคุม และรูปแบบการควบคุมที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ
- Smart Training ด้วยการใช้งาน Microsoft HoloLens ทำให้การฝึกฝนหรือฝึกอบรมทักษะของแรงงานเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย ในกรณีใช้งานภาคสนามจะช่วยโอนถ่ายประสบการณ์การทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จาก Digital Twins ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง
- Remote Control Robot หุ่นยนต์เคลื่อนที่ที่ควบคุมผ่าน 5G ติดตั้งมาพร้อมกับ AI Camera เพื่อช่วยในการควบคุมและทำงานในพื้นที่ที่แรงงานไม่สามารถเข้าถึงได้หรือมีความเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่อับอากาศ เป็นต้น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรในพื้นที่ปฏิบัติการโดยใช้การควบคุมระยะไกลเข้าไปทดแทนได้
Automation & Robotics
- Flexible Manufacturing Station การบูรณาการสายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการผลิตแบบ Mass Customization ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดสินค้าและอาจไม่ต้องการจำนวนการผลิตที่มากเท่าเดิม ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้มากขึ้น มีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การจำลองกระบวนการบรรจุยาที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าได้ง่าย มีความยืดหยุ่นสูง และทำงานอยู่บน AIS PARAGON Platform
- AI Visual Inspection เป็นการใช้งาน AI Camera หรือ Machine Vision เพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณภาพชิ้นงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดในการเก็บข้อมูลระดับสูง โดยไม่ต้องลงทุนทำ AI Node ในพื้นที่ แต่ใช้ EDGE Computing ผ่านเครือข่ายแทน
- Autonomous Mobile Robot (AMR) หุ่นยนต์เคลื่อนที่สำหรับงานโลจิสติกส์ที่มาพร้อมการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งช่วยในการ Mapping พื้นที่ได้อัตโนมัติ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน เพราะไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ตายตัวเหมือน AGV สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับ Flexible Production Line ได้อีกด้วย
นอกเหนือไปจาก 2 สถานีนี้ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการผลิตอย่างมากแล้ว ในพื้นที่จัดแสดงยังมีอีก 6 สถานี ที่น่าสนใจ ได้แก่ Digital Infrastructure ที่เปิดให้ลองปรับตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ , Communication Platform โซลูชันการสื่อสารยุคใหม่ที่ช่วยลดปัญหา Fraud และ Scammer ที่แฝงตัวกับธุรกิจด้วยการใช้ CPaaS ได้, Data Analytics & Digital Marketing ที่ช่วยเจาะข้อมูลเชิงลึกผ่าน Telco Insight Collaboration ที่ไม่ระบุตัวตน หรือ Devio Becon ที่ทำให้ Targeted Marketing กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับธุรกิจ, Property & Retail โซลูชันที่ช่วยบริหารจัดการอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการติดตามคนเข้า-ออก การใช้พลังงานต่าง ๆ และ Behavior Analytic, Sustainable Nation โซลูชันสำหรับความปลอดภัย การเกษตร และบริการสาธารณะ เช่น การแจ้งเตือนเหตุด่วนเหตุร้ายในพื้นที่ การติดตามข้อมูลชีพจรด้วย Telemed สำหรับ Smart OPD เป็นต้น และ IoT & Smart Solution ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อัจฉริยะพกพาที่มีความทนทานสูงเหมาะสำหรับการใช้งานภาคสนาม ตลอดจน Cloud PC ที่ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรทั้งในเรื่องทุนและคุณสมบัติเครื่องที่ต้องใช้
โซลูชันด้านดิจิทัลที่ AIS Business และพันธมิตรร่วมกันพัฒนาขึ้นมาทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้งานและสร้างความแตกต่างในการแข่งขันของธุรกิจได้จริง ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในแง่มุมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความคล่องตัวที่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที ซึ่งหากธุรกิจหรือโรงงานต้องการใช้พัฒนาหรือเป็นเจ้าของโซลูชันเหล่านี้ด้วยตัวเองจะต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุน เวลา และทรัพยากรด้านกำลังคนที่ต้องใช้อีกมากเพื่อให้เกิดโซลูชัน 1 โซลูชันที่ทำงานได้จริง ทำให้การใช้งานโซลูชันและบริการจาก AIS Business ที่ออกแบบมาครบทั้ง Ecosystem ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชันในการใช้งาน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุนอย่างใกล้ชิด จะช่วยลด Time to Market ตลอดจนต้นทุนการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการผลิตไปได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
นอกจากนี้กิจกรรมต่าง ๆ ภายใน Thailand Digital Valley นั้นยังสามารถขอรับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐทางด้านภาษี ภายใต้ความร่วมมือของหลากหลายหน่วยงานเพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านดิจิทัลสำหรับธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาทักษะแรงงานที่มีศักยภาพสูงที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนทั้งธุรกิจและประเทศชาติไปพร้อม ๆ กัน
AIS EEC พร้อมเป็นพื้นที่เปิดประสบการณ์สำหรับโรงงาน ผู้เชี่ยวชาญ และบุคคลทั่วไปในองค์กรที่สนใจในเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับธุรกิจ โดยมีทั้งพื้นที่จัดแสดงประสบการณ์ที่สามารถทดลองใช้งานได้จริง ตลอดจนพื้นที่จัดกิจกรรมและอบรม รวมถึงห้องแล็บสำหรับการทดสอบ วิจัย และพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือ SI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้!
สำหรับผู้ที่สนใจ หน่วยงาน หรือองค์กรที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม AIS EEC สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่