Friday, November 22Modern Manufacturing
×

AIS EEC ศูนย์การเรียนรู้แห่งประสบการณ์และการพัฒนาโซลูชันดิจิทัลสำหรับโรงงานยุค 5G ที่ครบเครื่องที่สุด

การผลิตในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดในซัพพลายเชน ตลอดจนการขาดแคลนทักษะแรงงาน และกระบวนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถขจัดความสูญเปล่าเหล่านี้ออกไปจากธุรกิจการผลิตที่มีมูลค่ามหาศาลและมีความอ่อนไหวสูงภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจยุคปัจจุบัน AIS Business จึงพัฒนาโซลูชันร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดตั้งศูนย์ AIS EEC เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของโรงงานและภาคธุรกิจบนพื้นฐานของดิจิทัลที่มีความโปร่งใส มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถตอบสนองต่อความท้าทายได้อย่างทันท่วงทีภายใต้ความคุ้มค่าที่สัมผัสประสบการณ์ได้อย่างชัดเจน


ลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจการผลิตด้วย Digital Ecosystem จาก AIS Business

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในระดับภูมิภาคที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจการผลิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงการค้าที่เกิดจากนโยบายระหว่างประเทศ การขาดแคลนทักษะแรงงาน ความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน ตลอดจนความต้องการของตลาดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการตอบสนองต่อปัจจัยที่หลากหลายเหล่านี้ต้องการข้อมูลที่โปร่งใส ชัดเจน และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัลกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนพาธุรกิจฝ่าคลื่นพายุของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

แต่การทำ Digital Transformation หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในโรงงานก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อย หากเป็นโรงงานตั้งใหม่ที่มีงบทุนอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลมาก ในขณะที่โรงงานที่มีอยู่สามารถเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเฉพาะจุดที่มีความเร่งด่วนหรือจำเป็นก่อน ซึ่งแต่เดิมอาจจะใช้งานเทคโนโลยีกลุ่ม OT (Operational Technology) เป็นหลัก ในขณะที่ IT (Information Technology) มักจะเป็นงานในสำนักงานมากกว่า Shopfloor แต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงยุคใหม่นั้นเทคโนโลยี IT ต้องมีการทำงานควบคู่กับ OT อย่างใกล้ชิด และในขณะเดียวกันก็ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT เพื่อรองรับการทำงานในระดับโรงงานที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น เทคโนโลยีสำหรับรูปแบบการเชื่อมต่อที่เหมาะสม ระบบหรือแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูล เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์สำหรับการจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชันการใช้งานที่เหมาะสมกับธุรกิจ และประเด็นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แตกต่างออกไปจากความปลอดภัยที่โรงงานคุ้นชินอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจกังวลเรื่องต้นทุนและความสามารถของทักษะในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ 

เพื่อสนับสนุนธุรกิจการผลิตให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล AIS Business จึงได้พัฒนาโซลูชันด้านโครงข่ายพื้นฐานสำหรับดิจิทัลร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายการผลิต ทำให้เกิด Ecosystem ที่สามารถลดต้นทุน ลดระยะเวลา และเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขัน เช่น โครงข่าย 5G ที่มีความรวดเร็วในการตอบสนองสูงและสามารถปรับตั้งค่าคุณสมบัติการทำงานได้, MEC ที่ช่วยประมวลผลผ่านเครือข่ายและลดต้นทุนสำหรับการตั้งหน่วยประมวลผลภายในโรงงาน หรือ AIS PARAGON Platform ที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ช่วยลดระยะเวลา รวมถึงต้นทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลที่จะลงทุนในทุกภาคส่วนด้วยตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแอปพลิเคชัน ไปจนถึงการดูแลแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประเด็นเหล่านี้โรงงานที่มองเห็นภาพรวมอาจเกิดความกังวลในการลงทุนเอง ในขณะที่โรงงานซึ่งมีความเข้าใจที่ไม่ครบภาพอาจเกิดปัญหาในการวางรากฐานและต่อยอดให้ยั่งยืนได้

หนึ่งในกรณีความสำเร็จล่าสุดที่เกิดขึ้น คือ โรงงาน Midea ในประเทศไทย ที่มีพื้นที่กว่า 2 แสนตารางเมตรได้เป็นโรงงาน 5G Fully Connected แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการเชื่อมต่อด้วย 5G Dedicated Private Network เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรในระบบดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย Network Slicing ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน AMR ที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากถึง 55% และลดเวลาในการหาสินค้าลง 80% หรือการใช้งานหุ่นยนต์ที่สามารถควบคุมระยะไกลได้แบบ Real-Time และการใช้ 5G AI Inspection ในการตรวจสอบแผงวงจรที่แม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีอีกหลายกรณีการใช้งานจริงที่ยืนยันได้แล้วของ AIS Business 

และเพื่อให้โรงงานตลอดจนบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ที่มีการใช้งานแล้วได้มากยิ่งขึ้นจึงเกิดเป็นศูนย์ AIS EEC ซึ่งเป็น 5G NEXTGEN Center ขึ้นมาที่ Thailand Digital Valley ในพื้นที่ของ EEC ซึ่งมี depa เป็นหัวเรือใหญ่คอยดูแลและสนับสนุนอยู่นั่นเอง 

AIS EEC ศูนย์รวมประสบการณ์ด้านดิจิทัลและการพัฒนาโซลูชันบน 5G mmWave 26 GHz สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่

ภายใต้แนวคิดของเศรษฐกิจแบบแบ่งปันของ AIS Business ที่ทำให้ธุรกิจการผลิตและประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน การเติบโตที่เกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรที่ช่วยส่งเสริมกันในเรื่องที่ตนเองนั้นเชี่ยวชาญ ซึ่ง AIS Business มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจ และมองเห็นว่าการทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างแต่ละอุตสาหกรรมขึ้นมาจะทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของพันธมิตรจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและองค์กรที่เป็นฝ่ายสนับสนุนและกำกับนโยบาย อาทิ depa, EEC, Nectec, SMC, MARA, TARA, TGI และหน่วยงานเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับสากล เช่น MITSUBISHI ELECTRIC, Schneider Electric, SIEMENS, Microsoft รวมถึงผู้ให้บริการโซลูชันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันยุคดิจิทัลขึ้น ตั้งแต่โครงสร้างหลักในเรื่องการศึกษา ไปจนถึงการลงทุน และประยุกต์ใช้ในโรงงานจริง ทำให้เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ AIS EEC ขึ้นมา

AIS EEC หรือชื่อเต็ม คือ AIS Evolution Experience Center เป็นศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจด้วยการนำเสนอประสบการณ์ Digital Transformation ที่ทุกคนสามารถจับต้องได้เพื่อทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ และการมองเห็นความเป็นไปได้ที่แตกต่างออกไป ทั้งยังเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีห้องแล็บสำหรับทดสอบการใช้งานแอปพลิเคชันบนพื้นฐานของ 5G Dedicated Network โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ให้ได้เรียนรู้ พูดคุยปรึกษา และจัดกิจกรรมเพื่อเร่งการเติบโตของศักยภาพด้านดิจิทัลในประเทศไทย ประกอบไปด้วยพื้นที่จัดแสดงประสบการณ์ด้านดิจิทัลโซลูชันที่ AIS Business ได้มีการดำเนินการร่วมกับพันธมิตรแล้ว, พื้นที่สำหรับจัดการอบรมสัมมนา และพื้นที่สำหรับวิจัยพัฒนาที่เปิดรับทั้งโรงงานและ SI ในฐานะ Testbed ที่มีศักยภาพสูงอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ EEC ถัดจากวังจันทร์วัลเลย์

5G mmWave 26 GHz และ Paragon Platform พื้นที่ทดสอบโซลูชันระดับพรีเมียมที่หาได้ยาก

หนึ่งในหัวใจของ AIS EEC คือ 5G mmWave 26 GHz ที่เป็นคลื่นความถี่แบนด์วิธสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรจำนวนมากและมีกิจกรรมการเชื่อมต่อเกิดขึ้นมหาศาล ซึ่งหาที่ทดสอบการใช้งานได้ยาก การทดลองทำโซลูชันต้นแบบในห้องแล็บของ AIS EEC จึงรองรับการใช้งาน พัฒนา และทดสอบบนเครือข่ายความเร็วสูงที่มาพร้อมกับ Platform AIS Paragon และ EDGE Computing รองรับงานประมวลผลในพื้นที่ ช่วยให้ SI หรือผู้พัฒนาโซลูชันสามารถนำอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ มาทดสอบคุณสมบัติทั้งเครือข่าย รวมถึงการประมวลผลที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และข้อมูลงานในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย   

สัมผัสประสบการณ์และโซลูชันด้านดิจิทัลสำหรับโรงงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง!

นอกเหนือไปจากห้องแล็บที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G ระดับพรีเมียมแล้ว AIS EEC ยังมาพร้อมกับพื้นที่จัดแสดงโซลูชันให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์ด้านดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจได้โดยตรง โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน 8 สถานี ได้แก่ Digital Infrastructure & Platform, Digital Industry Evolution, Sustainable Nation และ Modern Business Transformation ซึ่งโซลูชันทั้งหมดนี้สามารถนำมาบริหารใช้งานร่วมกันได้ แม้ว่าจะมีการจัดแสดงโซลูชันแยกตามสถานีก็ตาม

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมนั้นมีสถานี Digital Manufacturing และสถานี Automation & Robotics ที่ครอบคลุมหลากหลายโซลูชันในการใช้งานสำหรับภาคการผลิตที่มีการใช้งานจริงแล้ว โดยโซลูชันทั้งหมดนั้นเป็นความร่วมมือระหว่าง AIS Business และพันธมิตรที่เชื่อมต่อผ่าน 5G ที่สามารถทดลองใช้งานได้ในศูนย์ฯ ซึ่งผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถทดลองใช้งานได้จริง โดยแบ่งออกเป็นโซลูชัน ดังนี้

Digital Manufacturing

  1. แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิต ช่วยในการเก็บข้อมูลจากเครื่องจักรและสายการผลิตจริง เพื่อให้สามารถทำ OEE และวางแผนซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เห็นความแตกต่างของการใช้ข้อมูลดิจิทัลและข้อมูลที่ยังเป็นกายภาพอย่างกระดาษเอกสารได้อย่างชัดเจน
  2. Smart Maintenance ที่เป็นการใช้เทคโนโลยี Reality เพื่อการทำ Remote Maintenance และการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตรวจท่อในอาคารโดยการ Mapping ตำแหน่ง
  3. AI Autonomous Drone โซลูชันที่พัฒนาร่วมกับ ARV เพื่อทำให้สามารถควบคุมโดรนผ่าน 5G แทนสัญญาณวิทยุที่มีระยะสั้น ปลดล็อกข้อจำกัดในการใช้งานทั้งระยะทางการควบคุม และรูปแบบการควบคุมที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ
  4. Smart Training ด้วยการใช้งาน Microsoft HoloLens ทำให้การฝึกฝนหรือฝึกอบรมทักษะของแรงงานเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย ในกรณีใช้งานภาคสนามจะช่วยโอนถ่ายประสบการณ์การทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จาก Digital Twins ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง
  5. Remote Control Robot หุ่นยนต์เคลื่อนที่ที่ควบคุมผ่าน 5G ติดตั้งมาพร้อมกับ AI Camera เพื่อช่วยในการควบคุมและทำงานในพื้นที่ที่แรงงานไม่สามารถเข้าถึงได้หรือมีความเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่อับอากาศ เป็นต้น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรในพื้นที่ปฏิบัติการโดยใช้การควบคุมระยะไกลเข้าไปทดแทนได้

Automation & Robotics

  1. Flexible Manufacturing Station การบูรณาการสายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการผลิตแบบ Mass Customization ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดสินค้าและอาจไม่ต้องการจำนวนการผลิตที่มากเท่าเดิม ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้มากขึ้น มีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การจำลองกระบวนการบรรจุยาที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าได้ง่าย มีความยืดหยุ่นสูง และทำงานอยู่บน AIS PARAGON Platform
  2. AI Visual Inspection เป็นการใช้งาน AI Camera หรือ Machine Vision เพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณภาพชิ้นงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดในการเก็บข้อมูลระดับสูง โดยไม่ต้องลงทุนทำ AI Node ในพื้นที่ แต่ใช้ EDGE Computing ผ่านเครือข่ายแทน
  3. Autonomous Mobile Robot (AMR) หุ่นยนต์เคลื่อนที่สำหรับงานโลจิสติกส์ที่มาพร้อมการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งช่วยในการ Mapping พื้นที่ได้อัตโนมัติ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน เพราะไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ตายตัวเหมือน AGV สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับ Flexible Production Line ได้อีกด้วย

นอกเหนือไปจาก 2 สถานีนี้ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการผลิตอย่างมากแล้ว ในพื้นที่จัดแสดงยังมีอีก 6 สถานี ที่น่าสนใจ ได้แก่ Digital Infrastructure ที่เปิดให้ลองปรับตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ , Communication Platform โซลูชันการสื่อสารยุคใหม่ที่ช่วยลดปัญหา Fraud และ Scammer ที่แฝงตัวกับธุรกิจด้วยการใช้ CPaaS ได้, Data Analytics & Digital Marketing ที่ช่วยเจาะข้อมูลเชิงลึกผ่าน Telco Insight Collaboration ที่ไม่ระบุตัวตน หรือ Devio Becon ที่ทำให้ Targeted Marketing กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับธุรกิจ, Property & Retail โซลูชันที่ช่วยบริหารจัดการอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการติดตามคนเข้า-ออก การใช้พลังงานต่าง ๆ และ Behavior Analytic, Sustainable Nation โซลูชันสำหรับความปลอดภัย การเกษตร และบริการสาธารณะ เช่น การแจ้งเตือนเหตุด่วนเหตุร้ายในพื้นที่ การติดตามข้อมูลชีพจรด้วย Telemed สำหรับ Smart OPD เป็นต้น และ IoT & Smart Solution ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อัจฉริยะพกพาที่มีความทนทานสูงเหมาะสำหรับการใช้งานภาคสนาม ตลอดจน Cloud PC ที่ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรทั้งในเรื่องทุนและคุณสมบัติเครื่องที่ต้องใช้

โซลูชันด้านดิจิทัลที่ AIS Business และพันธมิตรร่วมกันพัฒนาขึ้นมาทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้งานและสร้างความแตกต่างในการแข่งขันของธุรกิจได้จริง ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในแง่มุมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความคล่องตัวที่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที ซึ่งหากธุรกิจหรือโรงงานต้องการใช้พัฒนาหรือเป็นเจ้าของโซลูชันเหล่านี้ด้วยตัวเองจะต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุน เวลา และทรัพยากรด้านกำลังคนที่ต้องใช้อีกมากเพื่อให้เกิดโซลูชัน 1 โซลูชันที่ทำงานได้จริง ทำให้การใช้งานโซลูชันและบริการจาก AIS Business ที่ออกแบบมาครบทั้ง Ecosystem ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชันในการใช้งาน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุนอย่างใกล้ชิด จะช่วยลด Time to Market ตลอดจนต้นทุนการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการผลิตไปได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย

นอกจากนี้กิจกรรมต่าง ๆ ภายใน Thailand Digital Valley นั้นยังสามารถขอรับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐทางด้านภาษี ภายใต้ความร่วมมือของหลากหลายหน่วยงานเพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านดิจิทัลสำหรับธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาทักษะแรงงานที่มีศักยภาพสูงที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนทั้งธุรกิจและประเทศชาติไปพร้อม ๆ กัน

AIS EEC พร้อมเป็นพื้นที่เปิดประสบการณ์สำหรับโรงงาน ผู้เชี่ยวชาญ และบุคคลทั่วไปในองค์กรที่สนใจในเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับธุรกิจ โดยมีทั้งพื้นที่จัดแสดงประสบการณ์ที่สามารถทดลองใช้งานได้จริง ตลอดจนพื้นที่จัดกิจกรรมและอบรม รวมถึงห้องแล็บสำหรับการทดสอบ วิจัย และพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือ SI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้!

สำหรับผู้ที่สนใจ หน่วยงาน หรือองค์กรที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม AIS EEC สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่

https://m.ais.co.th/j7HvdQ1So

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924