SPCG จับมือ PEA ENCOM ลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เดินเครื่องเฟสแรก 500 เมกะวัตต์ ปี 64 มูลค่าลงทุนกว่า 23,000 ล้านบาท

นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ความ SPCG ได้ร่วมมือกับ PEA ENCOM จัดหาพลังงานไฟฟ้า พลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) และพลังงานสำรอง (ระบบกักเก็บพลังงาน) เพื่อใช้ในเขต EEC โดยมีเป้าหมายระยะแรกไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2564-2569 มูลค่าการลงทุนกว่า 23,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ SPCG มีแผนจะขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อรับสิทธิยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จรวมอย่างน้อย 300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2564 และอีกไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 โดยจะทยอยรับรู้รายได้ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
สำหรับการใช้พลังงานในเขต 3 จังหวัดนี้ ได้กำหนดสัดส่วนให้การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อพลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าจะอยู่ที่ร้อยละ 70:30 นั่นคือ การใช้พลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต จะเพิ่มขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการ
นางวันดี กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 50,000 คนในช่วงของการพัฒนาโครงการ อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่ผู้มีงานทำ ชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งช่วยยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การดูแลสังคมและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ชุมชน และสาธารณูปโภคของสังคม รวมถึงยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ไม่น้อยกว่า 11 ล้านตันคาร์บอน ภายในระยะเวลา 30 ปี หรือประมาณ 4 แสนตันคาร์บอนต่อปี
“SPCG มีความภาคภูมิใจในการร่วมมือกับ PEA ENCOM ในการที่จะ ลงทุนโครงการพลังงานไฟฟ้า (แสงอาทิตย์) ใน EEC ให้เป็นพื้นที่สะอาดต้นแบบ หรือโมเดลใหม่ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ชั้นนำของโลกในการใช้พลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้แนวคิด Low Carbon Society และพื้นที่สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) ซึ่งจะตอบโจทย์และมีความเหมาะสมที่สุดในพื้นที่ EEC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นางวันดี กล่าว