Thursday, October 31Modern Manufacturing
×

SME ทำงานอย่างคุ้มค่าและปลอดภัยหากเลือกใช้ Data Center ที่ถูกต้อง

กิจกรรมอุตสาหกรรมและธุรกิจในยุคปัจจุบันนั้นมีการพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการทำงานอยู่ไม่น้อย ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรจำเป็นต้องมีการรองรับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันสำหรับตลาดยุคปัจจุบัน โดย Data Center เป็นหนึ่งในโครงสร้างสำคัญที่ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม เพื่อการดูแลรักษาและบริหารจัดการข้อมูลซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงสำหรับการแข่งขันของธุรกิจยุคปัจจุบัน

Rittal Datacenter Cover

ในทุกวันนี้เราอาจคุ้นเคยกับการใช้งาน Google เพื่อค้นหาข้อมูล หรือถ้าย้อนวัยไปสักหน่อยอาจจะเคยใช้งาน Hotmail หรือ Thaimail เพื่อส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการเข้าเวปไซต์ต่าง ๆ ล้วนเป็นการเข้าถึงฐานข้อมูลที่ต้องมี Server หรือ Data Center รองรับการทำงาน ไม่แตกต่างจากการทำงานของโรงงานอัตโมัติในยุคปัจจุบันที่ต้องมีศูนย์กลางในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อบริหารจัดการการทำงานต่าง ๆ รวมไปถึงประเมินสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้งานระบบอัตโนมัติหรือต้องการ Transformation จึงจำเป็นต้องมี Data Center เพื่อใช้งาน แต่คุณรู้แล้วหรือยังครับว่า Data Center นั้นคืออะไร?

รู้จัก Data Center เบื้องหลังชีวิตคนยุคดิจิทัล

การใช้ชีวิตของผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันโดยเฉพาะคนเมืองนั้นถูกผูกติดอยู่กับ Data Center โดยไม่รู้ตัว อย่างการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวปไซต์ อีเมล์ ระบบควบคุมการทำงานที่ต้องอาศัย Server ในการประมวลผล ซึ่ง Data Center นั้นทำหน้าที่เป็นศูนย์รวม และเป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บดูแลรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัล เป็นเสมือนกายภาพของดิจิทัล โดยใช้เป็นหน่วยข้อมูล 1 กับ 0 นั่นเอง

Data Center นั้นทำหน้าที่บรรจุรวบรวมอุปกรณ์ด้านสารสนเทศเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับประมวลผล อุปกรณ์สำหรับระบบเครือข่าย และอุปกรณ์หน่วยความจำ โดยอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งหลัก ๆ ได้แก่

  • Server
  • ระบบเครือข่ายการสื่อสาร
  • หน่วยความจำ
  • ซอฟต์แวร์
  • สายเคเบิล
  • อุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐาน
  • อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ
  • แหล่งพลังงานสำรอง
  • ระบบติดตามสภาพแวดล้อม

นอกเหนือจากการตั้ง Server เพื่อใช้งานในองค์กรแล้วยังหมายรวมถึงกลุ่ม Super Computer สำหรับบริษัทองค์กรขนาดใหญ่ โรงงาน ภาครัฐ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ หรือการประมวลผลอันทรงพลังด้วย เช่น งานวิจัยและพัฒนาหรือการควบคุมการทำงานของโรงงานอัตโนมัติ

สำหรับภาคอุตสาหกรรมเอง Data Center เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากสำหรับโรงงานที่มีการใช้ระบบอัตโนมัติและการใช้เทคโนโลยียุค 4.0 ซึ่งจำเป็นต้องใช้งานข้อมูลจำนวนมหาศาลในการผลิต ควบคุม ตลอดจนถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถประเมินการทำงานในทุกขั้นตอนได้อย่างแม่นยำ ส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสของระบบที่ใช้งาน ลดความสูญเปล่าให้กับกระบวนการที่เกี่ยวข้องได้อย่างชัดเจน และสำหรับการใช้งานฟังก์ชันอย่าง Digital Twin, AI หรือการซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ จำเป็นต้องมี Data Center ที่รองรับการทำงานแบบ Real-Time การประมวลผลอันรวดเร็ว รองรับ Bandwidth ขนาดใหญ่ ตลอดจนถึงการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

จะเห็นได้ว่า Data Center กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นภาคการบริการ ภาคการผลิต ตลอดจนภาคการศึกษา อำนวยความสะดวกในชีวิตสมัยใหม่ในทุกมิติ แต่รู้กันหรือไม่ว่า Data Center นั้นถูกจำแนกออกเป็นรูปแบบใดบ้าง? และรูปแบบใดจะเหมาะกับการใช้งานในธุรกิจของคุณ

Data Center แบบใดเหมาะกับธุรกิจอุตสาหกรรม?

Data Center นั้นถูกแบ่งเกรดออกตามคุณสมบัติที่แตกต่างกันในด้าน Uptime และระบบด้านความปลอดภัยสำรอง โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้ 

  1. Tier 1 ระดับล่างสุดของ Data Center ถือเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ Data Center จำเป็นต้องมี คือ มีเวลา Uptime มากกว่า 99.671% สามารถเกิด Downtime ได้ไม่เกิน 28.8 ชั่วโมงต่อปี และไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานสำรองใด ๆ สนับสนุน
  2. Tier 2 Data Center ระดับพื้นฐานสำหรับองค์กรมักใช้งานเกี่ยวกับข้อมูลโซลูชันส่วนบุคคล มีระบบสำรองขั้นพื้นฐานเพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง โดยมีเวลา Uptime มากกว่า 99.741% สามารถเกิด Downtime ได้ไม่เกิน 22 ชั่วโมงต่อปี มีระบบระบายอากาศและทำความเย็นใช้งานบางส่วน
  3. Tier 3 มาตรฐานขั้นต่ำสำหรับองค์กรทั่วไป มีระบบระบายอากาศและทำความเย็นเพื่อจำกัดโอกาสที่จะทำให้ระบบเกิดความล้มเหลว และมี UPS เพื่อทำการสำรองไฟระหว่างย้ายไปใช้พลังงานสำรอง โดยมี Uptime ขั้นต่ำอยู่ที่ 99.982% และมี Downtime ได้ไม่เกิน 1.6 ชั่วโมงต่อปี มีการระบายอากาศและทำความเย็น N+1
  4. Tier 4 เป็น Data Center ระดับสูงสุดที่มีทรัพยากรสำรองในการใช้งานแบบคูณ 2 เพื่อป้องกันความผิดพลาดอย่างสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับกลุ่ม Co-Location องค์กรขนาดใหญ่ หรืองานที่เสี่ยงให้เกิดการหยุดทำงานหรือความผิดพลาดใด ๆ ไม่ได้ มี Uptime ขั้นต่ำอยู่ที่ 99.995% และ Downtime ได้ไม่เกิน 0.4 ชั่วโมงต่อปี มีการระบายอากาศแบบ 2N หรือมีคุณภาพที่สูงกว่าขึ้นไป

สำหรับการใช้งานในองค์กรทั่วไป หรือบริษัทขนาดเล็กการใช้งาน Data Center Tier 2 นั้นอาจเพียงพอต่อการใช้งาน แต่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานระบบอัตโนมัติซึ่งมีความอ่อนไหวสูง ไม่ว่าจะกำลังไฟ การส่งข้อมูล ตลอดจนมูลค่าเครื่องจักรที่มีราคาสูง การใช้งาน Data Center ที่มีคุณลักษณะระดับ Tier 3 ขึ้นไปจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานที่บริหารจัดการด้วยข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ดูแลการผลิต ตลอดจนถึงการขายและการตลาดด้วยตัวเอง 

นอกเหนือไปจากเกรดหรือมาตรฐานของ Data Center แล้ว รูปแบบและขนาดของ Data Center ถือเป็นอีกประเด็นสำคัญในการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจ ซึ่งรูปแบบที่จัดกลุ่มตามขนาดมีดังนี้

Enterprise Data Center

ศูนย์ข้อมูลกลุ่มนี้มักถูกติดตั้งอยู่ในตัวองค์กร ถูกสร้างและดูแลโดยตัวขององค์กรเอง จึงสะดวกต่อการขยับขยายและซ่อมบำรุง มักประจำอยู่ตามสาขาภายในองค์กรต่าง ๆ

Co-Location Data Center

ศูนย์ข้อมูล Co-Location นั้นได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างแพร่หลาย เช่น การตั้ง Server สำหรับเว็บไซต์ การทำศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่าศูนย์ข้อมูลแบบอื่น เนื่องจากเป็นการเช่าพื้นที่ในการใช้งานร่วมกับองค์กรอื่น ๆ มีจุดเด่นอยู่ที่มีผู้ให้บริการคอยดูแลตลอดเวลาและมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อมต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับหน่วยงานที่ยังไม่เชี่ยวชาญด้าน Data Center มากนักหรือยังไม่มีความพร้อมในการบริหารจัดการข้อมูลเองทั้งหมด 

Hyper Scale Data Center

Data Center ขนาดใหญ่ที่ถูกครอบครองโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ชั้นแนวหน้า อาทิ Google, Apple, Microsoft และ AWS มีบริการที่มีลักษณะโดดเด่นออกไปตามแต่ผู้ให้บริการ เหมาะสำหรับการใช้งาน Cloud และ Big Data รองรับ Bandwidth ขนาดใหญ่และมีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลสูงมาก

Edge Data Center

Edged Data Center นั้นจะมีความคล้ายคลึงกับ Enterprise Data Center ซึ่งตัวองค์กรจะต้องรับหน้าที่ดูแลด้วยตัวเองเป็นหลัก แต่มีขนาดที่เล็กกว่า มักถูกออกแบบมาให้้ตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า

แม้ว่าในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ นั้นมีการใช้งาน Co-Location Data Center กันเป็นส่วนใหญ่แต่รูปแบบของ Co-Location Data Center นั้นเหมาะสำหรับงานกลุ่ม E-Commerce งานด้าน Hosting การใช้งาน SaaS หรือ PaaS เสียมากกว่า แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่การใช้งาน Hyper Scale Data Center สามารถสร้างความคล่องตัวได้เป็นอย่างมาก ด้วยความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ ไม่ว่า UX, UI หรือการสนับสนุนอื่น ๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้วการเช่าพื้นที่ Co-Location หรือการซื้อบริการจาก Hyper Scale Data Center ก็ยังจำเป็นต้องมี Data Center หรือ Server ภายในองค์กรเองด้วยเช่นกัน

ในกรณีของการผลิตอัตโนมัติที่มีการใช้อุปกรณ์ที่หลากหลายร่วมกัน ตลอดจนถึงการสื่อสารข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Data Center ภายในโรงงานเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการทำงานแบบอัตโนมัติขึ้นได้ ด้วยการเป็นศูนย์รวมข้อมูลเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นประตูเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ไปจนถึงการติดตั้งอัพเกรดซอฟต์แวร์หรือระบบต่าง ๆ และการทำงานคู่ขนานกับ Data Center อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

แม้ว่าการมี Data Center แบบ Enterprise เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานอุตสาหกรรม แต่ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และสภาพแวดล้อมของโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ Edge Data Center ซึ่งมีขนาดที่เล็กกว่าและดูแลรักษาได้ง่ายดายยิ่งกว่ากลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดหากผู้ประกอบการจะต้องใช้ Data Center โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SME ที่มีข้อจำกัดอย่างหลากหลายและต้องการความคุ้มค่าที่มากที่สุด

Edge Data Center จาก Rittal ตัวเลือกสุดท้ายสำหรับโรงงานอัตโนมัติ SME

Data Center Rittal

แม้ว่า Data Center แบบ Enterprise จะดูเหมาะสมกับการใช้งานกว้าง ๆ และหลากหลายภายในองค์กร แต่สำหรับการดูแลรักษาก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ดี การปรึกษาและว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตจึงกลายเป็นทางเลือกเดียวของผู้ประกอบการที่ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

Rittal ผู้ผลิตและให้บริการด้านโซลูชันสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน IT ระดับสากล พร้อมให้บริการโซลูชันสำหรับ Edge Data Center ที่มีการออกแบบและพัฒนามาเป็นอย่างดีเพื่อความต้องการในยุคดิจิทัล สำหรับการออกแบบและการผลิต Rittal จะให้ความสำคัญกับความต้องการในการใช้งานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ความปลอดภัยในการใช้งาน และการบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยจุดเด่นสำหรับ Edge Data Center จาก Rittal มีดังนี้

ความปลอดภัย

ไม่ว่าจะการติดตั้ง การเข้าถึงเพื่อใช้งาน ตลอดจนการบำรุงรักษาสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ทั้งยังมีระบบที่ทำให้สามารถ Access เข้ามาสั่งงานจากภายนอกได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ Cyber Security

ความสามารถในการเคลื่อนย้าย

Edge Data Center จาก Rittal นั้นถูกออกแบบให้เป็น Movable Box หรือกล่องที่เคลื่อนที่ได้ ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย การปรับปรุงพื้นที่เพื่อใช้งานต่าง ๆ แตกต่างจาก Data Center ทั่วไปที่ขาดความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้าย

ระบบสุดสมาร์ท

ด้วยโซลูชันที่ถูกออกแบบมาอย่างดีทำให้สามารถ Monitoring การแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริมหรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม

คุ้มค่าเรื่องเวลา

สามารถลดระยะเวลาได้ในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะการติดตั้ง การดูแลรักษา การเคลื่อนย้าย หรือการอัพเกรดอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้เกิด Downtime เป็นระยะเวลานาน

ประหยัดพื้นที่

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ทุกพื้นที่ล้วนมีความสำคัญ Edge Data Center จาก Rittal นั้นไม่จำเป็นต้องแยกห้องหรือใช้พื้นที่พิเศษในการติดตั้ง เนื่องจากความเป็น Movable Box จึงใช้พื้นที่น้อยมาก ทำให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานจริง

ควบคุมต้นทุนได้ดี

ด้วยการออกแบบที่คิดเผื่อผู้ประกอบการมาอย่างดีทำให้ไม่ต้องลงทุนสำหรับสิ่งที่ไม่จำเป็นอื่นใด เช่น พื้นยก การกั้นห้อง การใช้พลังงานก็น้อยทำให้สามารถประหยัดต้นทุนได้ตั้งแต่การเป็นเจ้าของและการใช้งานในระยะยาว

ประหยัดพลังงาน

ด้วยการออกแบบระบบทำความเย็นที่ชาญฉลาดโดยใช้หลักการจัดการลมเย็นและร้อนแยกออกจากกันทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้กว่า 75% เมื่อเทียบกับการทำความเย็นโดยใช้เครื่องปรับอากาศทั่วไปที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงาน 24/7

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สารเคมีที่ใช้ทำความเย็นให้กับ Data Center ตลอดจนสารดับเพลิงนั้นเป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม มั่นใจได้ว่าพื้นที่โดยรอบจะปลอดภัยไร้กังวลไม่มีมลภาวะแอบแฝงอย่างแน่นอน

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการติดตั้ง Data Center หรือปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐาน IT สำหรับโรงงานอัตโนมัติสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ Rittal ประเทศไทย พร้อมให้บริการทั้งโซลูชันและผลิตภัณฑ์ด้านโครงสร้าง IT มาตรฐานระดับสากล 

สามารถติดต่อ Rittal ได้ตามช่องทางดังนี้

Website: https://www.rittal.com/th_th/edge/

Facebook: Rittal Thailand

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924