กองทุน Russian Direct Investment Fund (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย หรือ RDIF) ร่วมกับบริษัท Minapharm จากอียิปต์ ผู้นำในภูมิภาคด้านเทคโนโลยีดีเอ็นเอสายผสม และ ProBioGen AG บริษัทลูกในเบอร์ลิน ประกาศความตกลงในการผลิตวัคซีน Sputnik V วัคซีนโควิด-19 ที่ขึ้นทะเบียนเป็นรายแรกของโลก เป็นจำนวน 40 ล้านโดสต่อปี
ทั้งสามฝ่ายตกลงว่าจะเริ่มการส่งต่อเทคโนโลยีทันที โดยคาดว่าจะเริ่มใช้วัคซีนได้ในไตรมาสที่ 3/2564
ในเบื้องต้น RDIF และ Minapharm จะผลิตวัคซีนกว่า 40 ล้านโดสต่อปี โดยจะดำเนินการผลิตในศูนย์ไบโอเทคของ Minapharm ในไคโรเพื่อการจัดจำหน่ายทั่วโลก
ProBioGen AG บริษัทลูกในเยอรมนีของ Minapharm จะดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มขนาดการผลิตต่อไป โดยจะใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector) และการพัฒนากระบวนการผลิตสำหรับวัคซีนและยีนบำบัด
ขณะนี้วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนใน 61 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมประชากรกว่า 3 พันล้านคน วัคซีน Sputnik V แสดงให้เห็นประสิทธิผล 97.6% จากการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มประชากรชาวรัสเซียที่ฉีดวัคซีนครบทั้งสองโดส
Kirill Dmitriev ซีอีโอกองทุน Russian Direct Investment Fund กล่าวว่า
“ความตกลงครั้งนี้ของเรากับ Minapharm ถือเป็นความร่วมมือในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) เป็นครั้งแรกของเราเพื่อผลิตวัคซีน Sputnik V กองทุน RDIF ร่วมมือกับผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ทั่วโลก โดยวัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนใน 61 ประเทศ วัคซีนสัญชาติรัสเซียนี้มีประสิทธิผลสูงและได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก กล่าวได้ว่าวัคซีนนี้มีส่วนช่วยในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาเป็นอย่างมาก”
Wafik Bardissi, PhD ประธานและซีอีโอ Minapharm กล่าวเสริมว่า
“ความตกลงครั้งนี้เป็นการขยายพรมแดนการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคของ Minapharm ในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยใช้ประสบการณ์ระดับระหว่างประเทศในด้านวิศวกรรมเซลล์และเทคโนโลยีเวคเตอร์ชนิดใช้ Adenovirus เป็นตัวนำพาของ ProBioGen AG ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเยอรมนี เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ RDIF ในการต่อสู้กับวิกฤตโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก”
วัคซีน Sputnik V มีจุดแข็งหลักอยู่หลายประการ
- วัคซีน Sputnik V มีประสิทธิผล 97.6% จากการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มประชากรชาวรัสเซียที่ฉีดวัคซีน Sputnik V ครบทั้งสองโดสตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2562 จนถึง 31 มีนาคม 2564
- วัคซีน Sputnik V พัฒนาจากแพลตฟอร์มเวคเตอร์ชนิดใช้ Human adenovirus เป็นตัวนำพาซึ่งผ่านการพิสูจน์และศึกษามาอย่างดี ไวรัสดังกล่าวเป็นสาเหตุของโรคหวัดทั่วไปและมีอยู่มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
- วัคซีน Sputnik V ใช้เวคเตอร์ที่แตกต่างกันสองชนิดสำหรับการฉีดทั้งสองโดส ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ยาวนานกว่าวัคซีนที่ใช้กลไกการนำส่งแบบเดียวกันสำหรับทั้งสองโดส
- ความปลอดภัย ประสิทธิผล และการไม่มีผลข้างเคียงเชิงลบในระยะยาวของวัคซีนที่ใช้ Adenovirus เป็นตัวนำพาได้รับการพิสูจน์ในการศึกษาวิจัยเชิงคลินิกกว่า 250 โครงการในระยะเวลากว่า 20 ปี
- ไม่มีอาการภูมิแพ้รุนแรงที่เกิดจากวัคซีน Sputnik V
- อุณหภูมิการจัดเก็บ Sputnik V ที่ +2+8 องศาเซลเซียสทำให้วัคซีนสามารถจัดเก็บได้ในตู้แช่เย็นทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเพิ่มเติม
- วัคซีน Sputnik V มีราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อเข็ม ทำให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก
Russian Direct Investment Fund (RDIF) คือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เพื่อการร่วมลงทุนในตราสารทุนในรัสเซียเป็นหลัก ร่วมกับนักลงทุนเชิงการเงินและเชิงกลยุทธ์ระหว่างประเทศที่เป็นที่นับถือ RDIF ทำหน้าที่เป็นผู้เร่งการลงทุนทางตรงในระบบเศรษฐกิจรัสเซีย โดยมีบริษัทบริหารจัดการในมอสโก ปัจจุบัน RDIF มีประสบการณ์การดำเนินโครงการที่ประสบความสำเร็จกว่า 80 โครงการร่วมกับคู่ค้าจากต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้าน RUB ใน 95% ของภูมิภาคต่างๆในสหพันธรัฐรัสเซีย บริษัทในพอร์ตฟอลิโอของ RDIF มีพนักงานกว่า 800,000 คนและสร้างรายได้คิดเป็น 6% ของ GDP ของรัสเซีย นอกจากนี้ RDIF ได้ดำเนินความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ร่วมกับนักร่วมลงทุนระดับแนวหน้าจากกว่า 18 ประเทศ รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านเหรียญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ rdif.ru
Minapharm Pharmaceutical คือบริษัทเภสัชภัณฑ์ชั้นนำในอียิปต์และตะวันออกกลาง และเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นหนึ่งในแอฟริกา โดยมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในด้านวิศวกรรมเซลล์และวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ Minapharm มีสำนักงานใหญ่ในไคโร โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่วยชีวิตและเสริมสร้างชีวิตกว่า 100 รายการ ตั้งแต่โมเลกุลขนาดเล็กไปจนถึงโปรตีนที่ผ่านกระบวนการพันธุวิศวกรรมอย่างซับซ้อน พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกันบำบัดที่น่าประทับใจ ด้าน ProBioGen AG บริษัทลูกในเบอร์ลินของ Minapharm นั้นเป็นองค์กรรับจ้างพัฒนาและผลิตตามสัญญา (CDMO) อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Cell line-engineering และเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีโปรตีนและ Viral vector ที่เป็นกรรมสิทธิ์แก่บริษัทเภสัชภัณฑ์ขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพของโลก Minapharm มีโมเดลธุรกิจแบบบูรณาการ จึงเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่ยีนจนถึงตลาดแห่งเดียวในภูมิภาค โดยมีพนักงานกว่า 1,400 คนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Cairo and Alexandria (สัญลักษณ์: MIPH) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.minapharm.com
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
FTI Poll ระบุ รัฐควรเร่งรัดจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอ