Tesla ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดหมายมั่นปั้นมือที่จะตั้งโรงงานที่เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน ทว่ากลับปฏิเสธที่จะทำตามข้อกำหนดของรัฐบาลกลางที่จำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วมลงทุนเป็นคนในพื้นที่หรือต้องเกิด Joint Venture (JV) ขึ้นในขณะที่ Tesla เองต้องการที่จะครอบครองสิทธิ์การผลิตเองทั้งหมด
เป็นเวลากว่า 7 เดือนที่ Tesla ได้หารือร่วมกับรัฐบาลเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อสำรวจสายการประกอบยานยนต์ ซึ่งผลในปัจจุบัน คือ ความไม่เห็นพ้องต้องกันเรื่องสิทธิ์ของโครงสร้างโรงงาน ผลจากปัญหาในครั้งนี้ทำให้การขาย EV ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดต้องเผชิญหน้ากับปัญหาจากภาษีนำเข้าซึ่งสูงถึง 25% ทำให้ Tesla Model X ที่ต้องนำเข้าจากสหรัฐฯ มีราคาสูงถึง 132,000 ดอลลาร์สหรัฐ เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตในประเทศที่มีราคาถูกกว่าทำตลาดไปอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าตลาด EV กำลังเติบโตอย่างมากในหลายประเทศรวมถึงประเทศจีน แต่ข้อบังคับที่ชัดเจนในประเทศจีนนั้นเกิดขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ในแก่บุคลากรในพื้นที่อย่างแท้จริง หากข้อตกลงที่กำลังเป็นปัญหาอยู่นี้สามารถจบลงได้ด้วยดีตลาด EV ในเอเชียจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการมาถึงของ Tesla และนโยบายการส่งออกของจีน ผู้ผลิตชาวไทยอาจต้องคำนึงถึงความอยู่รอดเดียวจากอิทธิพลของยานยนต์ไฟฟ้านำเข้า คือ ‘กำแพงภาษี’ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐมีแนวทางสนับสนุนในประเด็นดังกล่าว หากผู้ผลิตในประเทศไม่ปรับตัวเทรนด์ EV อาจแย่งตลาดเครื่องยนต์สันดาบในประเทศได้ในเวลาไม่นานเกินรอ
ที่มา:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-02-14/tesla-s-china-dream-threatened-by-standoff-over-shanghai-factory