อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมที่มีความละเอียดอ่อนระดับสูง เนื่องจากต้องสมดุลความสามารถในการผลิตไปพร้อมกับการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ความสามารถในการผลิตมีความต่อเนื่องและคงที่ กุญแจสำคัญอย่าง ‘มอเตอร์เกียร์’ จึงต้องมีคุณสมบัติในการใช้งานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมที่มีความละเอียดอ่อนสูงอย่างอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
‘มอเตอร์เกียร์’ ถือเป็นหัวใจสำคัญในสำหรับทุกโรงงานที่มีการผลิต ในฐานะอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนสายพานและเครื่องจักรที่ใช้แปรรูปต่าง ๆ การเลือกใช้มอเตอร์เกียร์ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถทำการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและลดความผิดพลาดที่ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แต่หากใช้งานมอเตอร์เกียร์ที่ด้อยประสิทธิภาพกำลังในการผลิตนั้นอาจลดลงได้จากการชำรุดของชิ้นส่วน ส่งผลให้สายการผลิตต้องหยุดชะงัก ในกรณีเลวร้ายที่สุดการชำรุดของมอเตอร์เกียร์ส่งผลกระทบให้เกิดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ซึ่งต้องสัมผัสกับผู้บริโภคโดยตรง สร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของแบรนด์และทำให้เสี่ยงต่อการฟ้องร้องจากการปนเปื้อนที่เกิดขึ้น
มอเตอร์เกียร์ที่ ‘ดี’ สำหรับอุตสาหกรรมอาหารเป็นอย่างไร
เพราะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีวันตายในฐานะอุตสาหกรรมที่ผลิตปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ความต้องการของการบริโภคนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากทำให้กำลังการผลิตนั้นไม่อาจเกิดการสะดุดหรือเกิดการผิดแผนได้ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่องของระบบส่งกำลัง มอเตอร์เกียร์ที่สามารถยอมรับได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมสำหรับผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ ‘ดี’ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
มีความสามารถในการส่งกำลังที่สม่ำเสมอ
เมื่อจำเป็นต้องมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการส่งกำลังเพื่อขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ จำเป็นต้องมีความสม่ำเสมอ มั่นใจได้ว่าการใช้งานทุกครั้งจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่ได้ถูกออกแบบไว้ เช่น การขนย้ายของสายพานที่มีความราบเรียบไร้สะดุด การเลือกใช้มอเตอร์เกียร์ที่ในแต่ละอุตสาหกรรมต้องคำนึงถึงกำลังส่งที่ต้องการใช้งานจริง ต้องพิจารณาถึงความสามารถของซีลในการรองรับแรงอัดกำลังสูงที่เกิดขึ้นได้ การคำนึงถึงส่วนเชื่อมต่อกับเพลาสำหรับขับเคลื่อนจำเป็นต้องมีความแน่นหนาและสอดคล้องกับกำลังมอเตอร์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างอินเวอร์เตอร์และชนิดเฟืองเกียร์ทดรอบยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการทำงานที่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี
มีความทนทานสูงใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
ในการใช้งานอย่างต่อเนื่องนั้นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้น คือ ความสึกหรอและความร้อน มอเตอร์เกียร์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจำเป็นจะต้องสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีในขณะที่วัสดุของมอเตอร์ต้องมีความทนทานสูง เช่น ปะเก็นที่ผลิตจากกราไฟท์ หรือระบบระบายความร้อนที่ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมเนื่องจากอาจก่อให้เกิดการสะสมอุดตันของฝุ่นผงในพื้นที่โดยไม่จำเป็น
ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหาร
ชิ้นส่วนโลหะที่สัมผัสกันได้และต้องเคลื่อนไหวนั้นจำเป็นต้องมีการหล่อลื่นในการใช้งาน เพื่อลดการสึกหรอและเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนที่ สำหรับอุตสาหกรรมโลหะหรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ สารหล่อลื่นเหล่านี้สามารถเลือกใช้ได้อย่างหลากหลายโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าสู่ร่างกายของผู้ใช้งานได้โดยตรง แต่สำหรับอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวอย่างอาหาร เครื่องดื่ม และยา จำเป็นต้องคำนึงถึงการปนเปื้อนที่อาจเกิดจากสารหล่อลื่นที่สัมผัสอาหาร รวมถึงการสะสมปนเปื้อนของสิ่งสกปรกที่จะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีสารหล่อลื่นด้วยเช่นกัน มอเตอร์เกียร์ที่ใช้งานกับสารหล่อลื่นเกรดอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางอาหารเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นความหนาแน่นของซีล การเคลือบวัสดุที่ปลอดภัย ความสามารถในการใช้งานรวมกับสารหล่อลื่นเกรดอุตสาหกรรมอาหารที่มีคุณสมบัติบางประการแตกต่างจากสารหล่อลื่นทั่วไป เช่น ระดับความสามารถในการทนทานต่อความร้อน เป็นต้น
ควบคุมต้นทุนในการใช้งานให้มีความแน่นอน
ผลกระทบที่เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง ค่าซ่อมบำรุงที่สูงเกินกว่าความคุ้มค่า และประสิทธิภาพที่เสื่อมถอยอย่างรวดเร็วล้วนส่งผลให้ต้นทุนในการใช้งานมอเตอร์เกียร์นั้นเพิ่มสูงขึ้น การเลือกใช้มอเตอร์เกียร์จากผู้ผลิตที่มีความไว้ใจได้ทั้งในด้านสินค้าและบริการจะทำให้สามารถมั่นใจได้ในศักยภาพสำหรับการควบคุมต้นทุนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานที่ยาวนาน การซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและสมเหตุสมผล พลังงานที่ต้องใช้ ตลอดจนประสบการณ์ของผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความคุ้มค่าและคาดการณ์ต้นทุนการใช้งานในภาพรวมได้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
การเลือกใช้มอเตอร์เกียร์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารที่ดีต้องคำนึงถึงคุณสมบัติเหล่านี้ซึ่งถูกออกแบบมาบนพื้นฐานความคิดของ ‘ความปลอดภัยทางอาหาร’ เป็นสำคัญ การใช้มอเตอร์เกียร์ใด ๆ ก็ได้มาทดแทนอาจก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับผลิตภัณฑ์อาหารและผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ดังที่ออกแบบมอเตอร์เกียร์บนพื้นฐานแนวคิดดังกล่าวและได้รับการยอมรับทั่วโลก คือ Motovario ซึ่งในประเทศไทยในอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญอย่างวานิชกรุ๊ป
นึกถึงมอเตอร์เกียร์ในอุตสาหกรรมอาหารต้อง ‘วานิชกรุ๊ป’
กลุ่มบริษัทวานิชกรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบส่งกำลังและเครื่องพ่นไฟในงานอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 30 ปี มีสินค้าและบริการครบคลุมด้านระบบส่งกำลังและเครื่องพ่นไฟโดยมีพื้นฐานมาจากแบรนด์ยุโรปที่มีราคาจับต้องได้และสมเหตุสมผล โดยมีผลิตภัณฑ์คุณภาพจากหลากหลายแบรนด์ อาทิ Elektrim, FIMM, Danfoss, Baltur, Riello และแบรนด์ Motovario ซึ่งเป็นดาวเด่นในด้านระบบส่งกำลังของอุตสาหกรรมอาหารระดับสากล
ผลิตภัณฑ์ภายใต้การดูแลของวานิชกรุ๊ปนั้นครอบคลุมอย่างครบเครื่องในระบบส่งกำลังของงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์เกียร์ เฟืองเกียร์ทดรอบ หรืออินเวอร์เตอร์ เมื่อรวมกับประสบการณ์อันยาวนานและทีมงานที่เป็นวิศวกรทั้งหมด จึงมั่นใจได้ในโซลูชันด้านระบบส่งกำลังที่สามารถสร้างศักยภาพในการแข่งขันของโรงงานยุคปัจจุบัน ด้วยคลังสินค้าขนาดใหญ่ทำให้มีสินค้ามาตรฐานพร้อมบริการในทันทีไม่จำเป็นต้องรอให้เสียเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบส่งกำลังแบรนด์ Motovario ที่เรียกได้ว่าเป็น Top 3 ของระบบส่งกำลังทั่วโลกที่มีความพร้อมทั้งสินค้าและบริการ
Motovario ผู้นำด้านระบบส่งกำลังจากอิตาลี มาพร้อมกับมอเตอร์เกียร์สำหรับงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยในอุตสาหกรรมอาหารนั้นได้ให้ความสำคัญกับแนวคิด ‘Clean Duty’ ที่ตอบสนองต่อความต้องการใช้งานในมาตรฐานระดับสูงในขณะที่ราคานั้นจับต้องได้อย่างสมเหตุสมผล
การออกแบบพื้นฐานของ Clean Duty จาก Motovario นั้นเป็นการใช้วัสดุโลหะสแตนเลส AISI ที่สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นไม่ให้เกาะตัวบนพื้นผิวได้มาพร้อมกับซีลและปะเก็นที่ทนทานต่อการสึกหรอและแรงดันระดับสูง รองรับการใช้งานกับน้ำมันสำหรับสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัยทางอาหาร และมอเตอร์สามารถทำงานได้อย่างราบเรียบไร้สะดุด
อีกหนึ่งเทคโนโลยีเด็ดของ Clean Duty คือ MotoNiTech เทคโนโลยีการเคลือบวัสดุที่ครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่กรดที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์อาหาร การกัดกร่อนที่เกิดจากกรดและอัลคาไลน์ PH ตั้งแต่ 2-12 ความสามารถที่ทนทานต่อแรงดันสูง และสารละลายเคมีที่มีความรุนแรงได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า Clean Duty นั้นถูกพัฒนามาเพื่ออุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะ
ด้วยแนวคิด Clean Duty ทำให้มอเตอร์เกียร์จาก Motovario นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมีความปอลดภัยทางอาหารเป็นสำคัญ ทั้งยังมีความทนทานรองรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง สามารถส่งกำลังได้สม่ำเสมอ จึงสามารถควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการสำหรับการส่งกำลังได้อย่างมั่นใจ ขับเคลื่อนธุรกิจได้ด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากมอเตอร์เกียร์จาก Motovario แล้วยังมีผลิตภัณฑ์ด้านระบบส่งกำลังอีกมากมาย อาทิ อินเวอร์เตอร์คุณภาพแบรนด์จากเดนมาร์กที่ผู้คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แบรนด์ Danfoss หรือมอเตอร์ไฟฟ้า IE3 Induction Motor แบรนด์ Elektrim จากโปแลนด์ ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน IP55 และมาตรฐานฉนวนไฟฟ้า Class F ที่ทนอุณหภูมิได้สูงถึง 155 องศา เป็นต้น ด้วยความพร้อมรอบด้านทั้งกลุ่มสินค้า ประสบการณ์ และความใส่ใจทำให้วานิชกรุ๊ปนั้นเป็นที่จดจำสำหรับผู้ประกอบการเสมอมา
วานิชกรุ๊ปพร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการด้วยสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม ประสบการณ์อันยาวนาน และ ‘คลังสินค้าพร้อมส่งขนาดใหญ่’ แล้ว มั่นใจได้ในคุณภาพสินค้าด้วยนโยบาย ‘ตรวจสอบสินค้าทุกชิ้น’ ทำให้สินค้าทุกชิ้นที่อยู่ในคลังสินค้าได้รับการตรวจสอบยืนยันคุณภาพอีกครั้งก่อนส่งถึงมือผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการที่เลือกใช้สินค้าและบริการจากวานิชกรุ๊ปจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าในเวลาอันรวดเร็ว ครบครัน มั่นใจได้ในคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้าที่ได้รับความใส่ใจในการตรวจสอบทุกชิ้น การดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจึงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า
หากผู้ประกอบการต้องการปรึกษาหรือติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบส่งกำลังในอุตสาหกรรม รวมถึงเครื่องพ่นไฟสำหรับโรงงานอาหาร เตาอบ หรือการใช้งานกับเครื่องผลิตไอน้ำ (Boiler) ที่รับประกันคุณภาพและประสิทธิภาพจากแบรนด์ยุโรปชั้นนำ มีราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมทั้งทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์มากกว่า 30 ปี สามารถติดต่อวานิชกรุ๊ปได้ตามรายละเอียดดังนี้
สนใจสินค้าด้านระบบส่งกำลังจากวานิชกรุ๊ปโปรดติดต่อ:
Vanich Group (วานิชกรุ๊ป)
โทรศัพท์: 02-898-3000
Email: [email protected]
Website: www.vanichgroup.com
Facebook: Vanich Group – ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม
บทความที่เกี่ยวข้อง:
เลือก Inverter อย่างไรให้คุ้มค่าสำหรับการผลิตยุคดิจิทัล