การพิมพ์ 3 มิติให้ความสะดวกสำหรับการผลิตในปริมาณที่ไม่มากนัก และเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิตินั้นมีออกมาให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย บริษัทการพิมพ์ 3 มิติต่าง ๆ จึงมีการวิจัยและพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขอบเขตการใช้งานกว้างขวางขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม แม้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้อย่าง อุตสาหกรรมยานยนต์ รถแข่ง การบินอวกาศ และการแพทย์ เป็นต้น
โดยที่การพิมพ์ 3 มิติมีบทบาทตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสร้างต้นแบบได้อย่างรวดเร็วและปรับเปลี่ยนได้ง่ายเพียงแค่คลิกในคอมพิวเตอร์ การพิมพ์ 3 มิติยังทำให้ความสามารถในการผลิตกลับมาอยู่ในมือของนักออกแบบและวิศวกร โดยเปลี่ยนจากการต้องสั่งผลิตต้นแบบ รอคิวการผลิต และขนส่งไปกลับหากมีการปรับแก้ไขงาน ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์นั้น กลายเป็นการผลิตต้นแบบได้เองทันทีเพียงมีเครื่องพิมพ์ 3 มิติพร้อมวัสดุในสถานที่ของตนเอง
ด้วยความเร็วในการพิมพ์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เครื่องบางรุ่นสามารถรองรับการพิมพ์งานชิ้นใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ ตลอดจนการพิมพ์ชิ้นส่วนขนาดเล็กพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีการนำการพิมพ์ 3 มิติเข้ามาใช้ควบคู่กันกับการผลิตแบบดั้งเดิมมากขึ้น
หากไม่นับความพยายามของบริษัทบางแห่งอย่าง AIM3D ที่ออกแบบเครื่องจักรให้รองรับเม็ดพลาสติกทั่วไปแบบเดียวกับที่ใช้ในกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม หรือเครื่องพิมพ์ 3 มิติของบริษัทอื่น ๆ ที่ยังต้องใช้วัสดุเฉพาะสำหรับการพิมพ์ 3 มิติอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบเส้น (FDM) แบบผงวัสดุ หรือเรซิ่นเหลว ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ใช้ ทำให้อุตสาหกรรมวัสดุการพิมพ์ 3 มิติมีการเติบโตควบคู่ไปกับความนิยมในการพิมพ์ 3 มิติที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
บทความนี้จะอัปเดตแนวโน้มล่าสุดของอุตสาหกรรมวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ โดยจะเล่าบางส่วนจากรายงานตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติที่เผยแพร่โดย MARKETS AND MARKETS (ฉบับเต็มมีค่าใช้จ่าย)
ยุโรปเป็นตลาดสำคัญอันดับ 2 ของการใช้วัสดุการพิมพ์ 3 มิติ
(ที่มา: Unsplash)
ในรายงานตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติที่เผยแพร่โดย MARKETS AND MARKETS ระบุว่า ตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติทั่วโลกจะมีเติบโตขึ้น 3 เท่าภายในปี 2027 จาก 2.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2022 เป็น 7.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2027 ด้วยอัตราการเติบโตที่มากถึง 25.6 เปอร์เซ็นต์ต่อปี จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของตลาด คือ ความง่ายในการผลิตสินค้าแบบกำหนดเอง และต้นทุนการผลิต ตลอดจนระยะเวลาที่ลดลงของกระบวนการหยุดทำงาน ในขณะที่ต้นทุนวัสดุการพิมพ์ที่สูงขึ้น และการระบบการควบคุมกระบวนการที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นเป็นความท้าทายที่จำกัดการเติบโตของตลาด
ไฮไลท์อื่น ๆ จากรายงานตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ
- โซนอเมริกาเหนือ (รวมสหรัฐฯ) เป็นตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติอันดับ 1 ของโลกทั้งในด้านมูลค่าและปริมาณ
- การเติบโตของตลาดเป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของวัสดุการพิมพ์ 3 มิติในการใช้งานของภาคส่วนยานยนต์ อากาศยาน การป้องกันประเทศ และการดูแลสุขภาพ
- ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของวัสดุการพิมพ์ 3 มิติในตลาดใหม่ ๆ เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเติบโตของตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ
- การพัฒนาของวัสดุเกรดอุตสาหกรรมและความสะดวกของผลิตภัณฑ์งานพิมพ์ 3 มิติกำลังสร้างโอกาสให้กับตลาด
- เอเชียแปซิฟิกตามด้วยอเมริกาเหนือ ถูกคาดหวังให้เป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเชิงมูลค่า (เงิน)
ผู้เล่นหลักในตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ ได้แก่ 3D Systems (สหรัฐฯ), Arkema (ฝรั่งเศส), Stratasys (สหรัฐฯ), General Electric (สหรัฐฯ), EOS (เยอรมนี), Materialise (เบลเยียม), Sandvik (สวีเดน), Höganäs (สวีเดน), Evonik Industries (เยอรมนี), BASF (เยอรมนี), Henkel (เยอรมนี) และ Solvay (เบลเยียม) เป็นต้น ดังนั้น การควบรวม การเข้าซื้อกิจการ การลงทุน การขยายธุรกิจ การจับมือเป็นพันธมิตร ความร่วมมือระหว่างธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ผู้เล่นหลักเหล่านี้ใช้เพื่อเสริมตำแหน่งของตนในตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ
ความต้องการวัสดุพลาสติกในการพิมพ์ 3 มิติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการสร้างต้นแบบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าผู้ผลิตจำนวนมากขึ้นจะใช้การผลิตแบบเติมวัสดุสำหรับการผลิตในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีโอกาสทางการตลาดที่มากขึ้นไปอีก เนื่องจากผู้ผลิตสามารถใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเติมวัสดุได้มากขึ้นเพื่อผลิตส่วนประกอบใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมตลาดหลังการขาย (Aftermarket*)
* Aftermarket ใช้กับสินค้าที่มีอายุการใช้งานหลายปีและต้องมีการซ่อมบำรุงหลังจากใช้งานไปแล้ว เช่น เครื่องจักรหรือรถยนต์ที่ต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งาน
พลาสติกจากการพิมพ์ 3 มิติได้สร้างการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความปลอดภัยมากขึ้น สะอาดขึ้น เบาขึ้น และดีไซน์ใหม่ ๆ ผู้ผลิต OEM หลายรายใช้การผลิตแบบเติมวัสดุเพื่อผลิตต้นแบบยานยนต์และการผลิตจริงในปริมาณมาก
อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุด
วัสดุการพิมพ์ 3 มิติมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพสำหรับผลิตเครื่องมือผ่าตัด อวัยวะเทียม รากฟันเทียม และผลิตภัณฑ์วิศวกรรมเนื้อเยื่อ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เนื่องจากให้ความแม่นยำในระดับสูง การเติบโตของตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพเป็นผลมาจากการพัฒนาเกรดของวัสดุการพิมพ์สามมิติที่ใหม่และดีขึ้น
ตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ
ยุโรปเป็นตลาดสำคัญอันดับที่ 2 ในการใช้วัสดุการพิมพ์ 3 มิติ มีผู้ผลิตจำนวนมากที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขยายธุรกิจและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บริษัทผู้ผลิตการพิมพ์ 3 มิติรายใหญ่ ๆ ได้แก่ EOS (เยอรมนี), Materialise (เบลเยียม), Sandvik (สวีเดน), Arkema (ฝรั่งเศส) และ Höganäs (สวีเดน) เป็นต้น
ยุโรปเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศที่สำคัญ ซึ่งมีความต้องการวัสดุการพิมพ์ 3 มิติในภาคส่วนอุตสาหกรรมเหล่านี้ นอกจากนี้รัฐบาลของยุโรปกำลังใช้การผลิตแบบเติมวัสดุในภาคการผลิตอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพอีกด้วย
หากสนใจรายงานตลาดวัสดุการพิมพ์ 3 มิติที่เผยแพร่โดย MARKETS AND MARKETS สามารถดูรายละเอียดได้ในลิงก์ด้านล่าง
https://www.marketsandmarkets.com/Market-Reports/3d-printing-materials-market-1295.html
บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com/