รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศแผนจำกัดการส่งออกอุปกรณ์สำหรับผลิตชิปคอมพิวเตอร์ 23 ประเภทตามรอยแนวทางของสหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์ที่ประกาศในการควบคุมเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์
เซมิคอนดักเตอร์หรือชิปคอมพิวเตอร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีอำนาจอย่างยิ่งสำหรับโลกยุคปัจจุบัน เพราะเซมิคอนดักเตอร์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คนทั่วไป ภาคธุรกิจ และความมั่นคงของประเทศ ส่งผลให้เกิดสงครามทางเศรษฐกิจและนโยบายเพื่อแย่งชิงและกีดกันการเข้าถึงทรัพยากรของโลกใหม่
หนึ่งในคู่พิพาทที่มีความชัดเจนจากการณีการสงครามชิปที่เกิดขึ้น คือ สหรัฐอเมริกาและจีน ที่ต่างก็ต้องการยึดหัวหาดและอำนาจของโลกยุคใหม่ ซึ่งไต้หวันเองถือเป็นพื้นที่ที่มีความตึงเครียดสูงที่สุดในกรณีที่เกิดขึ้นในฐานะเมืองหลวงแห่งเซมิคอนดักเตอร์ของโลก โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าบริษัทที่ส่งออกชิปไปยังจีนโดยใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ นั้นจะต้องมีใบอนุญาตไม่ว่าจะผลิตจากที่ใดในโลกก็ตาม
แม้ว่าจะไม่ได้มีการประกาศออกมาโดยตรงว่าการจำกัดการส่งออกนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับสหรัฐอเมริกาหรือจีน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า “มันเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะชนชาติแห่งเทคโนโลยีที่จะสนับสนุนความมั่นคงและสันติภาพในระดับสากล หากการส่งออกของเราไม่ได้ถูกนำไปใช้ทางการทหารเราก็จะยังส่งออกต่อไป และเราเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทต่าง ๆ จะอยู่ในวงจำกัด” โดยนโยบายดังกล่าวจะมีผลในเดือนกรกฎาคม
การจำกัดการส่งออกนี้ระบุถึงอุปกรณ์สำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 23 ประเภท รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Tokyo Electron และ Nikon การจำกัดนี้จะครอบคลุมตั้งแต่เครื่องมือที่ใช้ในการทำความสะอาดเวเฟอร์ซิลิคอนไปจนถึงเครื่อง Lithography
การเปลี่ยนแปลงนีเเกิดขึ้นจากสหรัฐอเมริกาที่หันมาเรียกร้องให้เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นดำเนินการตามแนวทางเดียวกัน และรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เองก็ได้ขานรับนโยบายดังกล่าวด้วยการจำกัดการส่งออกเทคนโลยีไมโครชิปที่ล้ำหน้าที่สุดของตัวเอง
ที่มา:
bbc
