สำนักข่าว CNN รายงานถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศเยอรมนีหลังราคาพลังงานกระชากส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง
ภาพรวมเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปนั้นลดลง 0.3% ในไตรมาสแรกของปี เป็นผลที่ตามมาจากการหดตัว 0.5% ช่วงปลายปี 2022 โดยสำนักงานสถิติเปลี่ยนการประมาณการเดินที่เคยคาดไว้ว่าจะมีการเติบโต GDP เป็น 0 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นภาวะการหดตัวต่อเนื่อง 2 ไตรมาส
ปัญหาการหดตัวนี้เป็นผลจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับต้นทุนด้านพลังงานที่กระชากขึ้นจากภาวะสงครามที่รัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อแก่ผู้บริโภค โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีอยู่ที่ 7.2%
แม้ว่าการหดตัวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากการสำรวจข้อมูลพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมากิจกรรมด้านธุรกิจเริ่มเกิดการขยายตัว แม้ว่าภาคการผลิตจะอยู่ในขาลงก็ตาม โดย Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนีให้ความเห็นในภาพรวมเศรษฐกิจว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก โดยวัดจากระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาที่รัฐบาลพยายามขยายฐานการผลิตพลังงานหมุนเวียนและการดึงดูดแรงงานต่างชาติมากขึ้น โดยการลงทุนในภาคการผลิตที่น่าจับตาของเยอรมนีในปัจจุบันนั้นอยู่ในส่วนของแบตเตอรี่และการผลิตเรือซึ่งเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม Franziska Palmas นักเศรษฐศาสตร์ยุโรปอาวุโสจาก Capital Economics ให้ความเห็นเอาไว้ว่าเยอรมนีนั้นจะเกิดการหดตัวต่อในไตรมาสที่ 3 และ 4 โดยมีคำแนะนำให้เพิ่มดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้น และการส่งออกของเยอรมนีจะพบความยากลำบากในด้านความต้องการ (Demand) ที่อ่อนแอในเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาเขตอื่น ๆ
คู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี คือ ประเทศจีน ที่เรียกได้ว่ามีมากกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก โดยการส่งออกยานยนต์ไปยังประเทศจีนนั้นยอดตกลงถึง 24% ในไตรมาสแรก
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้ปิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซหลักจากรัสเซียไปเยอรมนีโดยให้เหตุผลในการซ่อมบำรุงและยืดระยะเวลาการปิดนี้ออกไปไม่มีกำหนดในภายหลัง
ที่มา:
cnn.com
