Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

AIS 5G ผนึก สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย พร้อมพันธมิตร เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์-ยาวาต้า โชว์ศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะสู่ Smart Factory ใช้งานได้จริงแล้ววันนี้ เดินหน้าเป้าหมาย 5G Industrial Solutions ขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ

17 ธันวาคม 2564 หลังจากที่ AIS 5G Business ได้เปิดตัวบริการและโซลูชั่นที่พร้อมให้บริการและเชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานภาคการผลิต ด้วยการจับมือกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อผลักดันความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีให้มีส่วนสำคัญต่อการเสริมขีดความสามารถในทุกกระบวนการทำงาน ล่าสุดได้จับมือกับ สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) ร่วมกันส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยโดยการพัฒนาโซลูชั่นบนเครือข่ายและแพลตฟอร์ม 5G ปลดล็อคขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

ตอบโจทย์การพัฒนา Industrial 4.0 ของไทย โดยมีความสำเร็จของ บริษัทผู้ประกอบการสัญชาติไทยชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่าง บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม ที่ได้พัฒนาโซลูชั่นมาใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม AIS 5G Private Network แล้ววันนี้ ในโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าของ บริษัท ยาวาต้า จำกัด ที่จังหวัดนครรราชสีมา ซึ่งเป็นการยกระดับกรทำงานภายในโรงงานสู่ Smart Factory ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยถือเป็นการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ ฝีมือคนไทย ที่พร้อมขยายการให้บริการและสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศรองรับโอกาสและการเติบโตในอนาคต

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายว่า “ เราเห็นโอกาสของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วย 5G Industrial Solutions ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของโครงข่าย 5G ด้วยเป้าหมายสำคัญในการนำโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G เข้าเชื่อมต่อและส่งเสริมการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ เพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการเติบโตของประเทศในอนาคต ซึ่งวันนี้เรามีความพร้อมในการพาภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกกลุ่มเข้าสู่โลกของ 5G Industrial Solutions

จากการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในหลายแขนงอย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นอีกครั้งสำคัญที่เราได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย ที่มีพันธกิจตรงกันในการร่วมพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย ในการพัฒนาโซลูชั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม และผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

โดยในวันนี้ เราเห็นผลที่ชัดเจนจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชั่นในโรงงานอุตสาหกรรม ในการผลักดันโซลูชั่นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นจริง บนแพลตฟอร์ม 5G Private Network ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายส่วนตัวสำหรับการใช้งานเฉพาะภายในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม และสามารถทำ Network Slicing เพื่อจัดสรรทรัพยากร ทำให้เกิดคุณสมบัติทางเครือข่ายรองรับความต้อวงการเฉพาะแอพพลิเคชั่น เช่น ความเร็ว หรือความหน่วงต่ำ ซึ่งการออกแบบเครือข่ายเฉพาะนี้ ยังช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลเป็นส่วนตัว แม้จะใช้เครือข่ายแบบไร้สาย ส่งผลให้การรับส่งข้อมูลมีความคล่องตัว มีความหน่วงในการทำงานต่ำ และมีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าองค์กรและกลุ่มอุตสาหกรรมของ AIS ซึ่งเราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยทำให้ Ecosystem ของผู้ประกอบการไทย มีศักยภาพพร้อมรับโอกาสและการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

ดร. ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายต่อไปอีกว่า “ ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที้หลากหลายทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการวิจัย พัฒนาจนถึงการต่อยอดความร่วมมือเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเห็นความสำคัญของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่จะมาทำให้ขีดความสามารถในโรงงานภาคการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และในครั้งนี้เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ AIS ที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีโครงข่ายและมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ก้าวทันโลกของเทคโนโลยีด้วยโซลูชั่นและระบบการทำงานอัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์ ที่จะมาช่วยให้กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ภายในโรงงานเกิดประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น

วันนี้ ผู้ประกอบการไทยในสมาคมได้ทำการวิจัย ค้นคว้า พัฒนา ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การทำงานของโรงงานที่ผลิตที่หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าเครือข่าย 5G ที่ AIS ได้พัฒนาขึ้นสามารถใช้งานได้จริงแล้วในเชิงพาณิชย์ ผ่านการทำงานร่วมกับเลิศวิลัย ที่ได้นำโซลูชั่นเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตของโรงงานยาวาต้าที่ทำงานบนเครือข่าย 5G จึงนับเป็บก้าวสำคัญขอองวงการอุตสาหกรรมไทยที่จะเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เดินหน้าแข่งขันในตลาดโลกต่อไป

บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) เป็นบริษัทผู้ผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี ซึ่งบริษัทปรับเปลี่ยนตัวเองตลอด โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ลดต้นทุน ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยการใช้เทคโนโลยีและ 5G นี้ ยังได้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 100% ของวงเงินการปรับปรุงเป็นเวลา 3 ปี ตามมาตรการสนับสนุนจาก BOI ด้วย

ทางด้าน ดร.กุลฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน จาก บริษัทเลิศวิลัย แอนด์ซันส์ กล่าวต่อไปอีกว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่วันนี้โซลูชั่นที่เกิดจากการพัฒนาโดยการสนับสนุนและทำงานร่วมกันจากทางสมาคม และ AIS ได้เกิดการใช้งานจริงภายในโรงงานของจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบ Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติซึ่งต้องเคลื่อนที่อย่างอิสระในพื้นที่ทั้งหมดของโรงงานโดยไม่มีเส้นนำทางบนพื้นเหมือนระบบเก่า จึงต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร มีความหน่วงต่ำ มีความปลอดภัยสำหรับการรับส่งข้อมูล และมีพื้นที่ครอบคลุมอย่างแท้จริงในโรงงาน เมื่อนำมาใช้กับ AIS 5G Private Network ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความแม่นยำในการสั่งการ สามารถเพิ่ม Productivity ได้ตามเป้าหมายการเป็น Smart Factory ซึ่งทุกองค์ประกอบ เช่น Robotics, AMR และ PLC ของระบบ IIoT จะต้องเชื่อมต่อกันผ่าน OT , IT และ Cloud ในรูปแบบ Everything Connected เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมไทยให้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพของการทำงานมากยิ่งขึ้นไป

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924