มากิโนซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องจักรคุณภาพสูงที่เน้นความแม่นยำสูงสุด ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมไทยมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังโฟกัสที่ความละเอียดของชิ้นงานด้วยความเร็วในการกัดชิ้นงานที่เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น คุ้มค่าขึ้นกว่าเดิม จนสามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ Mold and Die ขนาดใหญ่ และชิ้นส่วนอากาศยานได้ พร้อมกันนั้น เตรียมยกทัพเทคโนโลยีเครื่องจักร และซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด รุ่น D300 จัดแสดงในงานเมทัลเล็กซ์ 2017 ที่จะถึงนี้ด้วย
เครื่องกัด 5 แกน มากิโน D300 เน้นงานประณีต ตอบโจทย์อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน
มากิโน (ประเทศไทย) เปิดตัวเครื่องจักรใหม่ล่าสุดอย่างเครื่อง D300 ในตระกูล D Series ซึ่งเป็นเครื่องกัด 5 แกน ที่มีคุณสมบัติเด่น คือ ตัวเครื่องที่แข็งแรงพร้อมรับน้ำหนักวัตถุดิบขนาดใหญ่ สามารถขับเคลื่อนชิ้นงานอย่างเสถียร ไม่เกิดแรงบิดจนทำงานเสีย แล้วยังมี Removable Rate หรืออัตราการกัดสูง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถกัดชิ้นงานด้วยความเร็วสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น คือ ความแม่นยำของหัวกัดที่สามารถกัดชิ้นงานได้ที่ความละเอียดต่ำกว่า 0.5 ไมครอน
คุณชุติ อูนากูล ประธานกรรมการ บริษัท มากิโน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดแข็งทั้งหมดของเครื่องกัดนี้ เกิดจากการที่มากิโนโฟกัสเครื่องจักรความแม่นยำสูงเพื่องานแม่พิมพ์ที่ต้องการความละเอียดสูงมากโดยตลอด ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาโดยยึดหัวใจเรื่องความแม่นยำเป็นหลัก มากิโนจึงมี Know How ด้านนี้เป็นอย่างดี
“ธรรมชาติของเครื่องจักร ยิ่งหมุนแกนมากเท่าไร ความแม่นยำยิ่งลดลง แต่มากิโนที่มีพื้นฐานและความเชี่ยวชาญด้านแม่พิมพ์ ทุกครั้งที่เราพัฒนาเครื่อง เราก็ยังยึดเรื่องความแม่นยำเป็นหัวใจ ไม่ว่าจะพัฒนาเครื่องไปถึงระดับไหน สิ่งที่เป็นหัวใจ คือ ความละเอียด แม่นยำ แข็งแรง และทนทาน
เครื่องจักรมากิโนถูกสร้างมาเพื่องานแม่พิมพ์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจากวัสดุที่เป็นพลาสติก หรือโลหะ และอะลูมิเนียมไลแคนท์ ความท้าทายของงานแม่พิมพ์ คือ น้ำหนักมาก การเคลื่อนตัวชิ้นงานลำบาก ควบคุมยาก ความสามารถของเครื่องมากิโน คือ ต้องรองรับจุดตายตรงนี้ให้ได้” คุณชุติกล่าว
คุณชุติ วิเคราะห์อีกว่า ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนเครื่องจักรมากิโนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ด้วยความที่เทรนด์โลกหันมาสนใจเรื่องชิ้นส่วนอากาศยาน ทำให้เครื่องจักรมากิโนซึ่งมีทั้งความแข็งแรง ความเร็ว และความแม่นยำ เริ่มกลายเป็นความต้องการของอุตสาหกรรมอากาศยานด้วย แม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่โตอย่างเห็นได้ชัด แต่ตัวเลขที่เกิดขึ้น น่าสนใจมาก ดูมีอนาคต
วิเคราะห์สถานการณ์และเทรนด์อุตฯ ไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีอัตราการผลิตรถยนต์ที่ประมาณ 2 ล้านคันต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้ไม่เรียกว่าสูงอย่างมีนัยสำคัญ ทรงๆ อยู่ในระดับนี้มาหลายปีแล้ว แต่ที่น่าสนใจ คือ จำนวนรถยนต์ไม่ได้มากขึ้น แต่ความต้องการแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์กลับโตสวนทางอย่างเห็นได้ชัด
“ปีนี้ เราประเมินว่าเศรษฐกิจจะดีกว่าปีที่ผ่านมาไม่มาก คาดไว้ว่าโตเพียง 5-6% เราเชื่อว่า หลังจากปีนี้ไปถึงจะเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเด่นชัด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมอาจจะไม่ดี แต่อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ Mold and Die ก็ไม่ได้แย่ ส่วนในแง่ Production ก็ทรงๆ มาตลอด อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์นี่ชัดเจนมาก
น่าสนใจมากว่า เรามี Turn Over ด้านแม่พิมพ์ยานยนต์ดีกว่าด้านโปรดักชั่น นั่นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความต้องการเฉพาะมากขึ้น ทำให้ภาคการผลิตหรือภาคอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปด้วย จากที่รถยนต์ยี่ห้อหนึ่งๆ ผลิตรถแค่ 3-4 รุ่น ปัจจุบันแต่ละยี่ห้อมีรุ่นรถให้เลือกเกือบ 10 รุ่น และเปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนโมเดลเร็วมาก ซึ่งการมีจำนวนรุ่นมาก มีความหลากหลายมากนี้เอง ส่งผลถึงจำนวนแม่พิมพ์ที่ต้องมากขึ้นตาม เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยน ต้องเปลี่ยนแม่พิมพ์” คุณชุติวิเคราะห์
ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มีความต้องการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคุณชุติวิเคราะห์ว่ามีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ ความต้องการของผู้บริโภคที่ผันผวนทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนเพื่อรอดูเทรนด์และรอดูท่าทีของตลาดโลก รวมถึงการตั้งเป้าของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนามที่ต้องการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เขาออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนต่างๆ จนสามารถเป็นผู้นำตลาดนี้ได้ นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยานเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังจะมาแรง โดยธรรมชาติแล้ว ชิ้นส่วนอากาศยานจะไม่ซ่อม แต่เปลี่ยนตามระยะเวลา
“ด้วยเหตุนี้ ทำให้เครื่องจักรมากิโนสามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นงานต้องกัดเยอะ จากวัตถุดิบ 100% พอกัดเป็นชิ้นงานแล้วเหลือแค่ไม่ถึง 10% ของวัตถุดิบ ต้องกัดเยอะ และด้วยความที่เครื่อง 5 แกนของมากิโน มี Removable Rate ที่สูงมาก เครื่องเราเร็ว เราจึงทำเรื่องนี้ได้ดีมาก” คุณชุติกล่าว
อุตสาหกรรม 4.0 ลงทุนให้คุ้มต้องเพิ่มมูลค่าได้
คุณชุติกล่าวถึงเทรนด์อุตสาหกรรม 4.0 ที่เป็นเทรนด์มาจากประเทศเยอรมนีว่า หัวใจของ 4.0 ไม่ใช่แค่การสื่อสารระหว่างเครื่องจักร ไม่ใช่แค่ Internet of Things แต่ยังรวมถึง ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มมูลค่าของโปรดักส์ให้ได้มากกว่า ฉะนั้น จึงไม่มีประโยชน์หากเครื่องจักรสื่อสารกันได้ พูดคุยกันได้ แต่ผู้ประกอบการไม่สามารถเพิ่มคุณภาพหรือปริมาณให้โปรดักส์ตัวเองได้และทั้งนี้ ต้องยอมรับด้วยว่า ในแวดวงอุตสาหกรรม ตัวชี้วัดคุณภาพของการผลิต คือ โปรดักส์
“งานเมทัลเล็กซ์ในเมืองไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน มีเทคโนโลยีที่จะรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างครบครัน เป็นพื้นที่ที่สามารถโชว์ศักยภาพของแวดวงอุตสาหกรรมไทยได้อย่างดีเยี่ยม ทุกครั้งที่มากิโนจะนำเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีไปจัดแสดงจะต้องเตรียมตัวอย่างดี หาสิ่งที่ดีที่สุด และใหม่ที่สุดไปจัดแสดง” คุณชุติกล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม มากิโน (ประเทศไทย) เตรียมยกทัพทั้งเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ T-Technology ไปจัดแสดงในงานเมทัลเล็กซ์ 2017 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22-25 พฤศจิกายนนี้ ที่ไบเทค บางนา พร้อมเชิญชวนนักอุตสาหกรรมและผู้สนใจร่วมชมและพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องกัด 5 แกนตัวล่าสุด D300 ที่ยังเน้นเรื่องความละเอียดและแม่นยำสูงสุด ตอบโจทย์ทั้งอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ตลอดจนชิ้นส่วนอากาศยาน