Thursday, October 31Modern Manufacturing
×

Smart Storage System ที่สุดของความคุ้มค่าในการยกระดับการจัดเก็บยุค 4.0

เทคโนโลยีการจัดเก็บสินค้ายุคใหม่นั้นมีหน้าที่มากกว่าแค่เป็นชั้นวางของ แต่ยังต้องช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน การดูแลสินค้า ไปจนถึงเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการไปด้วยในเวลาเดียวกัน คุณสมบัติเหล่านี้เป็นความคุ้มค่าที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการก้าวข้ามความท้าทายในการแข่งขันยุคใหม่ภายใต้แนวคิดของ Smart Storage System หรือระบบการจัดเก็บสินค้าอัจฉริยะ

การแข่งขันยุคใหม่ในธุรกิจการผลิตนั้น เรียกได้ว่ามีปัจจัยมากมายที่ต้องพิจารณา การแก้ปัญหาแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกมากกว่า 5 ตัวจึงเป็นอะไรที่ผู้ประกอบการมองหา นั่นหมายความว่าหากต้องลงทุนสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ความคุ้มค่าที่ได้ต้องมากกว่าแค่เป้าประสงค์หลัก ต้องครอบคลุมการใช้งานและผลกระทบทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย ผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญจึงมองหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทั้งสามารถทำงานได้อย่างดีในเป้าหมายหลักและต้องสามารถต่อยอดได้อย่างคุ้มค่า

‘เวลา’ เงื่อนไขสำคัญที่บีบให้ธุรกิจต้อง ‘ครบเครื่อง’

ด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมายที่เกิดขึ้นในซัพพลายเชนยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องสามารถตอบสนองต่อความท้าทายที่หลากหลายและไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตัวแปรทั้งจากภายในหรือภายนอกองค์กร ซึ่งการแก้ปัญหาภายนอกองค์กรในกรณีของการสร้างความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบอาจจะต้องกระจายความเสี่ยง ใช้สินค้าในพื้นที่มากขึ้น หรือมีคู่ค้าสำรองไว้จำนวนหนึ่ง ในขณะที่การบริหารจัดการภายใน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การจัดเก็บสินค้า ไปจนถึงการนำสินค้าออกสู่ตลาด ทุกตัวแปรต่างขึ้นอยู่กับตัวควบคุมที่เรียกว่า ‘เวลา’ ทั้งสิ้น

เพื่อการบริหารจัดการเวลาซึ่งเป็นทรัพยากรที่ตายตัวและจำกัด ผู้ประกอบการจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนทั้งเครื่องจักร เทคโนโลยี และการอบรมทักษะต่าง ๆ เพื่อลดการใช้เวลาที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานหุ่นยนต์ สานพานอัตโนมัติ ไปจนถึงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดระยะเวลาที่ใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงลดของเสียที่อาจจะทำให้เกิดความสูญเปล่าเป็นฟองอากาศที่แทรกอยู่ในการทำงานจุดต่าง ๆ

เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในปัจจุบันจึงต้องมีความครบเครื่องในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการปรับแต่ง ปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นต่อความต้องการของตลาดและซัพพลายเชนที่ไม่มั่นคง ตลอดจนความสามารถในการส่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการปัจจัย ความเสี่ยง และต้นทุนได้อย่างแม่นยำ จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ยุคใหม่จำนวนมากมาพร้อมกับคำว่า ‘Smart’ หรือ ‘อัจฉริยะ’ อยู่เสมอ เพราะอุปกรณ์ชิ้นเดียวในยุคปัจจุบันต้องทำได้มากกว่าแค่หน้าที่หลักที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น สายพานอัจฉริยะที่ต้องมาพร้อมกับเซนเซอร์เพื่อช่วยตรวจวัดพลังงาน รายงานสถานะ หรือมาพร้อมกับเซนเซอร์ที่ช่วยตรวจสอบตำแหน่ง น้ำหนัก หรือสถานะบางอย่างของสินค้า เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้การลงทุนทั้งเม็ดเงิน พื้นที่ และกิจกรรมที่เกิดขึ้นมีความคุ้มค่า สามารถรับมือได้กับเงื่อนไขเวลาที่มีจำกัด ป้องกันปัญหาเดินหน้า 2 ก้าวถอยหลัง 1 ก้าว

‘การจัดเก็บ’ ยุค 4.0 ที่เป็นมากกว่าที่วางของ

แน่นอนว่าการลงทุนเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งในส่วนของการบริหารจัดการและจุดที่สำคัญในสายการผลิต ทั้งการแปรรูป/ขึ้นรูปและการตรวจสอบคุณภาพ แต่ปัญหาการทำงานแบบคอขวดก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในสายการผลิตหรือสายการประกอบ แม้กระทั่งในส่วนของการจัดเก็บสินค้า การเบิกชิ้นส่วนต่าง ๆ เครื่องจักรและเทคโนโลยีมูลค่าหลายล้านที่ลงทุนไปก็ไม่อาจทำงานได้คุ้มค่าอยู่ดี ความล่าช้าที่เกิดขึ้นก็จะนำไปสู่ความสูญเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการรอที่เกิดจากการฟีดของเข้าระบบช้า หรือแม้กระทั่งการรองรับเครื่องมือเครื่องไม้ที่ต้องใช้

เชื่อหรือไม่ว่าการจัดเก็บแบบดั้งเดิมนั้นสร้างความล่าช้าให้กับกระบวนการอื่น ๆ ได้ไม่น้อย ยกตัวอย่าง การเบิกชิ้นส่วนเพื่อมาทำการประกอบสำหรับโรงงานขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ การเดินทางจากสายการประกอบไปยังพื้นที่จัดเก็บชิ้นส่วนหรือคลังสินค้าอาจจะใช้เวลา 3-5 นาที ในขณะที่การค้นหาตำแหน่งจัดวางจากเอกสารและการเขียนเบิกอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 นาที จากนั้นจึงทำการหยิบสินค้าและตรวจสอบความถูกต้อง ในกรณีที่เดินเข้าไปหยิบด้วยแรงงานเองก็ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ถ้าต้องใช้ฟอร์คลิฟท์ก็ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก จากนั้นจึงเป็นการขนชิ้นส่วนเหล่านั้นไปยังสายการประกอบที่ใช้เวลามากกว่ารอบการมาอีกนิดหน่อยเนื่องจากต้องมีน้ำหนักบรรทุก หากคิดคร่าว ๆ แล้วการใช้เวลาต่อรอบอาจจะอยู่ที่ 20 นาทีต่อครั้ง ซึ่งระยะเวลาประมาณการนี้ยังไม่รวมหากมีการหยิบชิ้นส่วนผิดพลาดหรือมีความเสียหายเมื่อต้องเกิดการใช้งานจริง ในขณะที่สายการประกอบก็มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง หากเมื่อชิ้นส่วนไม่อาจป้อนเข้าสายการผลิตได้ก็็จะเกิดความสูญเปล่าที่ส่งผลต่อกำลังการผลิต และอาจต่อเนื่องไปถึงการจัดส่งที่ไม่ตรงตามกำหนดได้

ในกรณีของคลังสินค้าเช่นกัน เพื่อยืดอายุของสินค้าที่จัดเก็บการติดตามและควบคุมสภาพแวดล้อมในพื้นที่กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่การจัดเก็บมีความชัดเจน มีระบบสนับสนุนในการเข้าถึงสินค้ากลายเป็นพื้นฐานของคลังสินค้าในยุคปัจจุบันไปแล้ว

จะเห็นได้ว่าระบบการจัดเก็บยุคใหม่ต้องสามารถลดความสูญเปล่าและโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ในการแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจดำเนินการเปลี่ยงแปลง Layout หรือลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนต่าง ๆ แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะวัดประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 4.0 ที่ความโปร่งใสของระบบสามารถติดตามข้อมูลได้ครบถ้วนเป็นตัวเลขที่จับต้องได้ ทำให้พื้นที่การจัดเก็บต้องมีคุณสมบัติมากกว่าการทำหน้าที่วางของเฉย ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงสถานะต่าง ๆ อาทิ พลังงานที่ใช้ ตำแหน่งสินค้า การวางแผนการเข้าถึงล่วงหน้า การเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เพื่อวางแผนบริหารจัดการในภาพใหญ่ ไปจนถึงระบบการทำงานอัตโนมัติที่จะลดความผิดพลาดของแรงงานรวมถึงความสูญเปล่าอื่น ๆ ได้

เทคโนโลยีกลุ่ม Smart Warehouse จึงกลายเป็นส่วนสำคัญในการแข่งขันที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ เพราะมีตัวเลือกใช้งานอย่างหลากหลายและครอบคลุมตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ ระบบแร็คอัตโนมัติ AS/RS สายพานอัจฉริยะ ไปจนถึงแขนกลและระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งการบูรณาการเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าด้วยกันจะทำให้ระบบจัดเก็บเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งกับการป้อนชิ้นส่วนเข้าสายการผลิตและการใช้งานคลังสินค้าทั่วไป

Kardex Remstar โซลูชันการจัดเก็บแบบ All in One ยุค 4.0

ในขณะเดียวกันการออกแบบบูรณาการเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อให้กลายเป็นโซลูชัน Smart Warehouse ก็มีต้นทุนราคาที่สูง ใช้เวลาไม่น้อย และต้องมีการออกแบบระบบให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เรียกได้ว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยและสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกมากมาย เพื่อแก้ไขความหลากหลายและรายละเอียดที่ยิบย่อย รวมถึงเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติการบริหารจัดการที่ครบมิติ ทั้งเรื่องของข้อมูล ทรัพยากร และการลดความสูญเปล่า Kardex Remstar จึงได้พัฒนาโซลูชัน AS/RS หรือ Automated Storage/Retrieval System ที่สามารถตอบสนองเงื่อนไขความต้องการที่เกิดขึ้นได้ครบ จบที่เดียวแบบ All in One

โซลูชันการจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติจาก Kardex Remstar ได้ถูกออกแบบให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายและการใช้งานที่ส่งเสริม Productivity ฬนภาพรวมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของโรงงาน ไม่ว่าจะใช้ในการจัดเก็บชิ้นส่วน เครื่องมือ หรือทำหน้าที่เป็นคลังสินค้าก็เรียกได้ว่าจัดเต็มได้แบบ All in One โดยโซลูชันที่ถูกพัฒนานั้นจะมีคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญ ดังนี้

  1. พื้นที่จัดเก็บความหนาแน่นสูง – พื้นที่จัดเก็บภายในถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า จึงจัดเก็บสินค้าที่ต้องการได้เต็มพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลในการโหลดสินค้าเข้า-ออก การจัดเก็บสินค้าในพื้นที่เท่ากันจึงสามารถรองรับปริมาณที่มากกว่าได้
  2. ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ – การทำงานของโซลูชันนั้นจะมีพื้นฐานอยู่บนการทำงานอัตโนมัติในพื้นที่ความหนาแน่นสูง เช่น การหยิบจับสินค้าจากช่องจัดเก็บภายในที่ทำงานได้รวดเร็ว เพิ่มความแม่นยำได้ถึง 99%
  3. ใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ – ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่สามารถปรับแต่งให้ต่อเติม ขยาย และลดขนาดได้ง่าย จึงเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะพื้นที่ที่แออัดแต่สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บแนวดิ่งเพิ่มเติมได้
  4. เชื่อมต่อกับระบบและเทคโนโลยีอื่นได้ – โซลูชันการจัดเก็บของ Kardex Remstar สามารถปรับแต่งให้ใช้งานร่วมกับหุ่นยนต์และสายพานอัตโนมัติได้ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดาย
  5. ยกระดับการทำงานและแก้ปัญหาคอขวด – เมื่อระบบการจัดเก็บทำงานได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว จึงสามารถลดความผิดพลาดและแก้ปัญหาการรอที่เกิดขึ้นในระบบได้อย่างเป็นรูปธรรม และในกรณีสายการประกอบที่มีพื้นที่จำกัดก็ยังสามารถติดตั้งโซลูชันการจัดเก็บในพื้นที่ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยลดระยะเวลาในการเดินหยิบและตรวจสอบสินค้าลงได้ถึง 85% และเพิ่ม Productivity ได้สูงสุดถึง 400%

จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้นั้นเป็นการยกระดับคลังสินค้าหรืออุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างรอบด้าน และเป็นมากกว่าแค่ชั้นวางของ ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่อย่างคุ้มค่า ความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ และความโปร่งใสในการใช้งานที่ช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยโซลูชันจาก Kardex Remstar ได้ถูกออกแบบและปรับแต่งให้ตรงกับเงื่อนไขความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ 

โรงงานมีพื้นที่แนวราบจำกัด แต่มีความสูงที่ค่อนข้างมาก มีการจัดเก็บชิ้นส่วนหรือสินค้าที่แตกต่างหลากหลายขนาด Kardex Shuttle XP (VLM) ที่ประหยัดพื้นที่ได้มากถึง 85% และสามารถบูรณาการเข้ากับระบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย จะเป็นคำตอบของโรงงานกลุ่มนี้

ในกรณีที่คล้ายคลึงกัน สำหรับโรงงานที่มีพื้นที่แนวราบจำกัด แต่มีความสูงที่ค่อนข้างมาก แต่มีการจัดเก็บสินค้าที่มีขนาดเล็กและมีขนาดใกล้เคียงกัน มีกิจกรรมการหยิบเข้าออกบ่อยครั้ง และการทำงานหลัก ๆ จะเป็นแรงงาน Kardex Megamat (VCM) จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการ

สำหรับโรงงานที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ และไม่ได้มีปัญหากับข้อจำกัดพื้นที่แนวราบในระดับสูง เน้นการเก็บชิ้นส่วนขนาดเล็ก Kardex Compact Buffer (VBM) เป็นโซลูชันที่เป็นเสมือนคลังสินค้าอัตโนมัติย่อม ๆ ภายในมีหุ่นยนต์คอยหยิบของมาส่งที่จุดโหลดซึ่งออกแบบให้เหมาะสมกับหลัการยศาสตร์ของร่างกายมนุษย์

หากโรงงานมี Throughput สูง แต่การเคลื่อนไหวของ SKU นั้นอยู่ในระดับปานกลางหรือช้า และไม่มีปัญหากับการใช้พื้นที่แนวราบ Kardex Horizontal Carousel (HCM) จะช่วยให้สามารถจัดเก็บและนำสินค้าออกได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเหมาะสม

นอกจากโซลูชันการจัดเก็บอันทันสมัยแล้วยังมาพร้อมกับ Kardex Controlled Environment Solutions ที่ช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมในพื้นที่จัดเก็บให้มีความปลอดภัย ควบคุมความชื้น อุณหภูมิ ไปจนถึงป้องกันไฟ ป้องกันการระเบิด และป้องกันปริมาณความเข้มข้นก๊าซ ทำให้การเก็บรักษาชิ้นส่วนหรือสินค้านั้นนอกจากจะปลอดภัยยิ่งขึ้นแล้วยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยรักษาสภาพความพร้อมของสิ่งที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

Store Master ตัวแทนจำหน่ายมือโปรอย่างเป็นทางการใน SEA

นอกเหนือจากโซลูชันที่ครบเครื่องในการใช้งานแล้ว Store Master ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้น ยังเป็น Asia Pacific Kardex Remstar Professional Technician ซึ่งเป็นผู้ให้บริการประจำภูมิภาค พร้อมดูแลตั้งแต่งานติดตั้ง การเคลื่อนย้าย การปรับแต่ง ไปจนถึงการซ่อมแซม โดย Store Master จะทำการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ใช้งานและออกแบบระบบให้เหมาะสมกับความต้องการ จากนั้นจะนำชิ้นส่วนส่งตรงจากเยอรมนีเพื่อประกอบในพื้นที่โดยตรง เป็นการป้องกันความเสียหายจากการขนส่งและเพื่อประกอบเครื่องให้เหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด มั่นใจได้ทั้งโซลูชันที่เหมาะสมกับการแข่งขันในยุค 4.0 และตัวแทนจำหน่ายที่มีความ ‘ครบเครื่อง’ ในทุกความต้องการที่เกี่ยวข้อง

ผู้ประกอบการที่ต้องการแก้ปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นจากการจัดเก็บสินค้าที่ขาดประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยความสูญเปล่าหรือความเสี่ยงในกระบวนการ Store Master พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชันการจัดเก็บสินค้าที่ตอบสนองต่อการแข่งขันในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชันที่จะเปลี่ยนภาพการทำงานแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นการทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความเหนื่อยล้า ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีมาจะลดลง

สนใจโซลูชันจัดเก็บสินค้าแนวตั้ง Kardex Shuttle XP ติดต่อ:

Store Master Co., Ltd.

โทรศัพท์: 02-988-5460, 081-890-1597
Email: [email protected]
Website: www.storemaster.co.th, www.kardex.com
Social: Storemaster Thailand

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924