Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

เรื่อง ‘พื้น ๆ’ ยกระดับ Productivity และรักษาคุณภาพสินค้าได้อย่างไร?

ในการแก้ปัญหาด้านคุณภาพไม่ว่าจะเป็นฝุ่นผงที่ปนเปื้อน ความสะอาดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการตรวจสอบ Productivity ที่เกิดขึ้นพบว่าหลายครั้งการแก้ปัญหาจะเกิดขึ้นเฉพาะจุดไม่ว่าจะเป็นที่แรงงาน เครื่องจักร กระบวนการแปรรูปต่าง ๆ ไปจนถึงขั้นตอนการบรรจุ ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ส่งผลกระทบได้เด่นชัด แต่ผู้คนมักจะมองข้ามสิ่งที่เชื่อมทุกขั้นตอนและแบกรับทุกกระบวนการเอาไว้ด้วยกันอย่าง ‘พื้น’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นคอนกรีตในโรงงานที่ส่งผลต่อทั้งคุณภาพและความสามารถในการทำงานทั้งหมด เรามาดูกันดีกว่าครับว่าแค่เรื่องของพื้นในโรงงานสร้างความแตกต่างกันได้ขนาดไหน?

การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานสมัยใหม่ที่มีการติดตามการทำงาน (Monitoring) ไปจนถึงการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ผ่านระบบเซนเซอร์รูปแบบต่าง ๆ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับระบบ IoT เพื่อทำการประเมิน Productivity และสถานการณ์การทำงานที่ครอบคลุม ด้วยข้อมูลที่แม่นยำและทันต่อเหตุการณ์ ค่าต่าง ๆ ที่ถูกแสดงและประเมินค่านั้นเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและส่วนที่มีการติดตั้งเซนเซอร์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นประตู จุด Check Point เครื่องควบคุมอุณหภูมิ หรืออุปกรณ์ส่องสว่างต่าง ๆ ทำให้ทราบได้ว่าการทำงานอยู่ในขั้นตอนใด และแรงงานทำงานอยู่ในพื้นที่ส่วนใด ขณะเดียวกันหากมีการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนด้วยรถฟอร์คลิฟท์ แรงงาน หรือหุ่นยนต์สำหรับเคลื่อนที่ การติดตามข้อมูลการทำงานที่เกิดขึ้นจะสามารถประเมินได้จากระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการ แต่ไม่อาจตรวจสอบยืนยันได้ทั้งหมดว่าทำไมการทำงานนั้นช้า เร็ว หรือหากชิ้นส่วนเกิดการเสียหายนั้นเป็นเพราะอะไร ซึ่งหนึ่งในปัจจัยของโรงงานที่ไม่ได้มีการติดตามหรือวัดผลการทำงานกันอย่างชัดเจน นั่นก็คือ พื้นของโรงงานที่ส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการทำงานและคุณภาพของสินค้านั่นเอง

‘พื้น’ ปัจจัยที่ถูกมองข้ามและประเมินผลได้ยาก

หากจะบอกว่า ‘พื้น’ ในโรงงานหรือพื้นคอนกรีตที่เราคุ้นชินกันนั้นเป็นอะไรที่มักถูกประเมินผลด้วยสายตาเป็นสำคัญก็คงไม่ผิดนัก โดยทั่วไปแล้วหากพื้นคอนกรีตไม่ได้มีปัญหาหนักจนเป็นหลุมบ่อเห็นได้ชัดเจนผู้คนก็คงไม่รู้ว่าพื้นนั้นมีปัญหา และถึงรู้ว่ามีปัญหาการวัดประเมินผลที่ทำให้เป็นตัวเลขชัด ๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องยากอีก ท้ายที่สุดก็อาจจะบอกว่าพื้นเสียหาย พื้นพัง ทำงานช้าไปหน่อย แต่จะช้าแค่ไหนก็ไม่ทราบได้และจะมีปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นพร้อมกันบ้างก็ไม่อาจจับต้องได้ชัดเจนด้วยเช่นกัน

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากพื้นคอนกรีตโรงงานเสียหายหรือไม่ได้คุณภาพนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเด็นหลัก ๆ ได้แก่

Productivity

ปัญหาของพื้นคอนกรีตที่เสียหายซึ่งพบเห็นได้ชัดที่สุด คือ เรื่อง Productivity เช่น การที่พื้นคอนกรีตขรุขระจะเพิ่มความล่าช้าในการขนย้ายชิ้นส่วน ในขณะที่พื้นเป็นหลุมบ่อหรือแตกอาจทำให้ต้องหลีกเลี่ยงการใช้งานพื้นที่บริเวณดังกล่าว ทำให้ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม หรือต้องมีการบริหารจัดการพื้นที่ใหม่ชั่วคราวเพื่อรักษาไว้ซึ่ง Workflow ในการใช้พื้นที่และ Productivity ที่จะเกิดขึ้น หากการขนย้ายสินค้าหรือชิ้นส่วนจากเดิมใช้เวลา 5 นาที หากต้องหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่พื้นมีปัญหาหรือใช้ความเร็วที่ลดลงและใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพียง 1 นาที หากหนึ่งชั่วโมงมีการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วน 5 ครั้ง จะใช้เวลาเพิ่มขึ้น 5 นาที หากทำงาน 8 ชั่วโมงจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นถึง 40 นาทีต่อวัน ซึ่งนี่เป็นเพียงกรณีการขนย้ายสินค้าชนิดเดียว ไม่รวมถึงการใช้งานพื้นที่ในรูปแบบอื่น ๆ ที่รวมแล้วอาจเพิ่มการใช้เวลาในภาพรวมได้หลักหลายชั่วโมงต่อวันและหลายวันต่อเดือน หากมีการใช้รถฟอร์คลิฟท์ในการขนย้าย ระยะเวลาที่เกิดขึ้นก็จะเกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงหรือพลังงานที่ใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

คุณภาพสินค้า

แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาจากพื้นสึกกร่อนหรือหลุดร่อนไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของ Productivity ฝุ่นผงที่เกิดขึ้นนั้น ยังส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของสินค้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่อการปนเปื้อนสูง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ยา เครื่องดื่ม ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ในกรณีที่เป็นสินค้าที่ต้องการความละเอียดแม่นยำสูง เช่น แผ่นเวเฟอร์สำหรับผลิตชิป ฝุ่นผงเพียงนิดเดียวก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นงานหรือสายการผลิตได้ นอกจากจากจะทำให้บรรจุภัณฑ์ดูไม่น่าใช้งานแล้ว ฝุ่นผงที่เกิดขึ้นยังนำไปสู่เกิดการสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย หากพิจารณาในมุมของแรงงานฝุ่นผงที่เกิดขึ้นมานั้นหากมีการสูดดมเข้าไปก็จะเป็นอันตรายต่อตัวแรงงานเอง และฝุ่นผงที่ติดตามเสื้อผ้านั้นก็อาจติดตัวเข้าไปยังพื้นที่การผลิตอื่น ๆ หรือ Clean Room ที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมได้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าผลกระทบจากความไม่สมบูรณ์ของพื้นคอนกรีตสามารถสร้างปัญหาที่เป็นปัญหาร้ายแรงส่งผลโดยตรงต่อสินค้าได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นตัวถ่วงประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจอุตสาหกรรมได้ในเวลาเดียวกัน

เลือกการดูแลผิวพื้นคอนกรีตที่ใช่ ไม่ต้องกังวลกับปัญหาความสูญเปล่าที่วัดผลยากอีกต่อไป

เพื่อให้พื้นคอนกรีตอยู่ในสภาพที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ปราศจากฝุ่นผงกวนใจ โรงงานและอาคารส่วนใหญ่จึงเลือกเสริมความแกร่งให้กับพื้นคอนกรีตด้วยการใช้เทคนิคการดูแลผิวพื้นคอนกรีตร่วมกับการเทคอนกรีตในรูปแบบต่าง ๆ เพราะการเทคอนกรีตที่เป็นโครงสร้างหลักนั้นเป็นการลงทุนเชิงโครงสร้างที่คำนึงถึงอายุการใช้งานที่ยาวนาน การดูแลพื้นผิวจะช่วยดูแลและยืดอายุของคอนพื้นคอนกรีตดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันเทคนิควิธีการดูแลหรือเคลือบพื้นคอนกรีตนี้เองที่สามารถเกิดการเสื่อมสภาพได้บ่อย นำมาซึ่งปัญหาการหลุดร่อนพื้นผิว ฝุ่น ในกรณีเลวร้ายที่สุด คือ ส่งผลกระทบต่อคอนกรีตด้านล่างที่เป็นโครงสร้าง การเลือกเทคนิควิธีที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการใช้งานจึงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับการบริหารธุรกิจอีกด้วย

แน่นอนว่ารูปแบบการดูแลพื้นผิวนั้นมีอยู่อย่างหลากหลายและมีความเหมาะสม จุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทและรูปแบบของการเคลือบ ความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติงานและสารเคมีที่ใช้ เช่น ความทนทานของพื้นผิวจะขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ขัดเคลือบรวมกับสารเคมีที่ใช้ทำงานร่วมกัน การดูแลพื้นผิวที่ดีจะต้องมีคุณภาพเหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน โดยพิจารณาที่อายุการใช้งานของพื้นในสภาพที่มีความสมบูรณ์พร้อม โดยหนึ่งในการดูแลพื้นที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ สามารถใช้ได้ในอุตสาหกรรมและงานอาคารที่หลากหลาย คือ CrystalFloor นั่นเอง

CrystalFloor พื้นขัดเงาที่ส่งมอบความทนทานและคุณค่าในระยะยาวภายใต้ราคาสุดคุ้ม

CrystalFloor นั้นเป็นการขัดพื้นแบบพิเศษด้วยองค์ความรู้และเทคนิคเฉพาะจาก REENTECH พัฒนาขึ้นมาด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ล้านตารางเมตร ทำให้เข้าใจถึง Painpoint ของการดูแลรักษาพื้นคอนกรีตเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นงานในอาคาร ห้างร้าน หรือโรงงาน ปัญหาที่เกิดจากการหลุดร่อนบ่อยครั้ง อายุการใช้งานที่สั้น ต้องเสียเวลา Downtime ในการปรับปรุงพื้นเป็นเวลานาน จึงเกิดขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์และบริการขัดพื้น CrystalFloor ขึ้นมา

การขัดพื้นในแบบของ CrystalFloor นั้นสามารถเพิ่มความทนทานให้กับพื้นคอนกรีตได้มากถึง 21% พื้นผิวจะเรียบไร้รูบนพื้นผิว ฝุ่นผงจึงไม่อาจเกาะหรือฝังตัวและสร้างปัญหาให้กับความแข็งแรงของพื้นคอนกรีตได้ ปัญหาจากการสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ จึงสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ในขณะที่ความสว่างของพื้นที่เพิ่มขึ้น 30% จึงประหยัดพลังงานที่ใช้ในการส่องสว่างลงได้ ทั้งยังเพิ่มความสามารถในพื้นที่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ลดอุบัติเหตุและเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานในเวลาเดียวกัน Productivity ที่ได้จึงเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องกังวล ทั้งเรื่องการผุกร่อนเสียหายของพื้นและปัญหาฝุ่นผง นอกจากนี้ยังสามารถย้อมสีได้ถึง 24 เฉดสีเพื่อเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการพื้นที่ได้อีกด้วย

ประสิทธิภาพของ CrystalFloor นั้นประกอบไปด้วยปัจจัยที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Concrete Polishing Association of America (CPAA) ซึ่ง REENTECH เป็นบริษัทสัญชาติไทยแห่งแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว เมื่อนำมารวมกับน้ำยาชนิดพิเศษ อาทิ

Crystal Top

Cement Base Overlay ชนิดพิเศษ ประกอบด้วย Anti Crack Cement มีคุณสมบัติเซ็ตตัวเร็ว มีการไหลตัวสูง มีการหดตัวที่ต่ำมาก ทำให้พื้นคอนกรีตสามารถรองรับน้ำหนักและการเคลื่อนที่ไปมาได้เป็นอย่างดี เพิ่มอายุการใช้งานและทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ

CrystalGUARD

Liquid Hardener ชนิด Lithium Silicate ระบบ Burnished ที่มีคุณสมบัติแทรกซึมในรูพรุนของคอนกรีต เพื่อทำปฏิกริยากับแคลเซียมและก่อผลึกทำให้พื้นผิวคอนกรีตมีความหนาแน่นสูง เสริมความแข็งแกร่งและปกป้องพื้นคอนกรีตจากการหลุดร่อนหรือการสะสมของสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี

CrsytalFloor เหมาะสำหรับอาคาร โรงงาน คลังสินค้าหลากหลายรูปแบบธุรกิจ ทนทานต่ออุณภูมิที่ความเย็นต่ำสุดถึง -45 องศาเซลเซียส ข้อจำกัดในการใช้งานมีเพียงโรงงานหรือพื้นคอนกรีตที่อาจจะต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่น โรงงานผลิตสารเคมีโดยเฉพาะ เป็นต้น

นอกเหนือไปจากอายุการใช้งานที่ยืนยาว มีความทนทานสูง เพิ่ม Productivity และความปลอดภัยแล้ว ขั้นตอนการดำเนินการยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย เมื่อทำพื้นเสร็จแล้วก็สามารถใช้งานได้ทันทีไม่ต้องกังวล Downtime ที่ต้องใช้เวลานานเหมือนการปรับพื้นผิวรูปแบบอื่น นอกจากนี้ราคาในการดำเนินการเรียกได้ว่าคุ้มค่า ราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากในหลักหมื่นกลาง ๆ เท่านั้น หากเปรียบเทียบกับในต่างประเทศแล้วพื้นแบบ Epoxy จะมีราคาถูกที่สุด แต่ CrystalFloor จาก REENTECH นั้นเรียกได้ว่ามีราคาที่ถูกกว่าการขัดเงาพื้นคอนกรีตที่ทำกันในต่างประเทศและยังมีราคาถูกกว่าการปรับพื้นด้วย Epoxy อีกด้วย

การเลือกใช้ CrystalFloor จาก REENTECH กับพื้นคอนกรีตในโรงงานจะเพิ่มทั้ง Productivity ในการทำงาน เพิ่มความปลอดภัย ลดปัญหาจากฝุ่นผงหลุดร่อน การสะสมของสิ่งสกปรก ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวกว่าการขัดหรือดูแลรักษาพื้นผิวคอนกรีตแบบอื่น แม้กระทั่งขั้นตอนดำเนินการก็ใช้เวลาไม่นานและพร้อมใช้งานทันที เปลี่ยนพื้นคอนกรีตด้วยความคุ้มค่าระดับนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่พบเจอกันได้ง่าย ๆ เปลี่ยนพื้นโรงงานให้เหมือนใหม่ สบายใจในการทำงาน ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จ ติดต่อ REENTECH สิครับ

สนใจ Crystal Floor สามารถติดต่อได้ที่:

REENTECH COMPANY LIMITED

โทรศัพท์: 02-817-5570-2, 081-850-4575
Email: [email protected]
Website: www.reentech.co.th

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924