Thursday, October 31Modern Manufacturing
×

พลิกโฉมโรงงาน รับมือการผลิตยุค Mass Customization ด้วย AIS 5G Smart Manufacturing Solutions

ธุรกิจการผลิตในทุกวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายจำนวนมาก ซึ่งหลายครั้งความสามารถในการเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับปริมาณและความถูกต้องของข้อมูลที่มี นอกจากความถูกต้องแล้วการเข้าถึงข้อมูลจะต้องทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถตัดสินใจหรือดำเนินการได้อย่างทันท่วงที การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเครือข่ายที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี 5G สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม

ธุรกิจการผลิตในปัจจุบันนั้นตั้งอยู่บนความเสี่ยงหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านซัพพลายเชนและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง การขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนทักษะแรงงาน การตรวจสอบคุณภาพ ไปจนถึงเทรนด์การผลิตที่เปลี่ยนแปลงจาก Mass Production สู่การผลิตแบบ Mass Customization ที่มีรูปแบบการทำงานแตกต่างออกไป

Mass Customization การผลิตยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงฉับไวและไม่ผูกมัดกับรูปแบบตายตัว

การผลิตจำนวนมากหรือการผลิตแบบ Mass Production นั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้มายาวนานหลายทศวรรษ รูปแบบการผลิตที่เกิดขึ้นนี้สามารถตอบสนองต่อตลาดขนาดใหญ่ยักษ์ได้เป็นอย่างดี ธุรกิจการผลิตที่ใช้โมเดล Mass Production นั้นความคุ้มค่าต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับปริมาณของการผลิตเป็นหลัก 

แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจบุันที่ตลาดมีความหลากหลายและแตกต่างมากขึ้น ปริมาณการผลิตที่เทียบเท่ากับ Mass Production อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคำถามและเงื่อนไขในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การผลิตแบบ Mass Customization หรือการผลิตที่มีการปรับแต่งสินค้า แม้จะมีการผลิตที่มีจำนวนมากแต่ปริมาณที่เกิดขึ้นนั้นไม่เท่ากับ Mass Production อย่างแน่นอน ในขณะที่ปริมาณการผลิตนั้นน้อยลงแต่รูปแบบหรือชนิดสินค้าที่ต้องผลิตนั้นมีหลากหลายมากขึ้น แต่ละชนิดอาจมีความใกล้เคียงกันหรือแตกต่างกันอย่างชัดเจนก็เป็นไปได้

การใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรที่มีการทำงานตายตัว แรงงานที่มีความคุ้นเคยกับกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้หากต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงในกระบวนการต่าง ๆ ขึ้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาปรับตั้งค่าหรือฝึกทักษะ ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยสะดวก ในการปรับเลย์เอาท์โรงงานหากมีการเดินโครงสร้างพื้นฐานที่ยึดติดกับตัวอาคาร การเปลี่ยนแปลงการจัดวางเรียกได้ว่าไม่แตกต่างจากการรื้อถอนครั้งใหญ่

กุญแจสำคัญของการปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับความต้องการเหล่านี้ คือ ความยืดหยุ่น กระบวนการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงทำให้สามารถปรับสายการผลิตให้เหมาะสมกับเงื่อนไขที่เกิดขึ้นได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น สายการประกอบยานยนต์ที่ต้องเปลี่ยนมาประกอบยานยนต์ไฟฟ้า หรือสายการผลิต Gadget ที่มีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์อยู่บ่อยครั้ง เงื่อนไขสำคัญในความยืดหยุ่น คือ ระบบอัตโนมัติที่สามารถตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว การใช้งานระบบอัตโนมัติจะช่วยลดปัญหาด้านแรงงานและทักษะที่ขาดแคลน ในส่วนของซอฟต์แวร์หรือระบบที่สามารถตั้งค่าได้ง่ายจะช่วยให้การปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดการหยุดชะงักของการผลิต ยกตัวอย่างเช่น การตั้งค่าหุ่นยนต์เพื่อหยิบชิ้นงานในขนาดที่แตกต่างกันและต้องมีการทำงานร่วมกับเครื่องจักรที่ต่างชนิดกัน หากเดิมหุ่นยนต์หยิบชิ้นงานสำหรับ Jig ขนาดหนึ่ง เมื่อขนาดและตำแหน่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอาจจะต้องกำหนด Jog การเดินทางของหุ่นยนต์ใหม่ ซึ่งการใช้งานเทคโนโลยีที่มี AI และเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยสนับสนุนจะลดความล่าช้าเหล่านี้ลงได้ 

คุณสมบัติของเทคโนโลยีกลุ่มดิจิทัลนั้นเป็นการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการขับเคลื่อนกิจกรรมการผลิตยุคใหม่ โดยให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของทุกกิจกรรมที่อยู่ในระบบ ทำให้การบริหารจัดการสามารถเกิดขึ้นได้ทันต่อสถานการณ์ ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบย้อนหลังเพื่อระบุเทรนด์หรือวางแผนในอนาคตก็สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน การบริหารจัดการที่เกิดขึ้นจึงมีประสิทธิภาพ ลดความสูญเปล่า และสามารถดำเนินการได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการใช้ศักยภาพดิจิทัลเหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพรองรับเงื่อนไขที่จำเพาะของภาคการผลิตได้

5G ถนนสายสำคัญสำหรับการผลิตยุคใหม่ภายใต้การแข่งขันบนความไม่แน่นอน

การปรับเปลี่ยนจาก Mass Production สู่ Mass Customization ที่มีความยืดหยุ่นสูงนั้นจะเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีอันหลากหลายให้มาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการ เซนเซอร์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่สนับสนุนด้านฐานข้อมูลที่สามารถแสดงผลได้แบบ Real-Time เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เพื่อให้เกิดความสามารถในการบูรณาการเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ เทคโนโลยีสำคัญอย่างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเครือข่ายเป็นเงื่อนไขที่มีความอ่อนไหวมากที่สุด การเลือกใช้รูปแบบของการเชื่อมต่อจะเป็นตัวกำหนดการจัดวางเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น การใช้เครือข่ายผ่าน Ethernet หรือ LAN จะต้องมีการกำหนดพื้นที่ตายตัว มีต้นทุนการเดินสายเครือข่ายตามความยาว รวมถึงการวางแผนซ่อมบำรุงภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ของพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป ในทางกลับกันการใช้เครือข่ายไร้สายจะสามารถปลดล็อคเรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินสาย รวมถึงการใช้งานในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากด้วยเช่นกัน 

แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเครือข่ายไร้สายจะดูมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง แต่เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแต่ละรูปแบบก็มีข้อจำกัดและมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น Wi-Fi 5 อาจมีข้อจำกัดในปริมาณการเชื่อมต่อต่อหนึ่งจุด รวมไปถึงช่วงคลื่นสัญญาณที่อาจเกิดความหนาแน่น เหมือนกับถนนที่มีขนาดปานกลางแต่มีการสัญจรเกิดขึ้นจำนวนมาก (High Traffic) ในขณะที่รูปแบบการใช้งานนั้นมีหลากหลายแต่ถนนก็มีอยู่เท่าเดิมและมีลักษณะตายตัว การปรับเปลี่ยนพื้นที่สำหรับสื่อสารข้อมูลจึงเป็นไปได้ยาก ในขณะเดียวกันเมื่อช่องทางการสื่อสารมีจำกัดและมีปริมาณข้อมูลจำนวนมากหรือหลากหลายปัญหาด้านความหน่วง (Latency) ทำให้เกิดความล่าช้าของข้อมูล ซึ่งความล่าช้าเหล่านี้ส่งผลต่อการทำงานที่ต้องการความรวดเร็ว อาทิ การทำงานร่วมกันของหุ่นยนต์ หากข้อมูลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ในรูปแบบ Real-Time การเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์อาจเกิดการชนหรือกระแทกกันเองอันจะนำไปสู่ความเสียหายทางทรัพย์สินและชีวิตได้

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G ถูกพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งการใช้ชีวิตทั่วไปและภาคธุรกิจที่มีความอ่อนไหวสูงอย่างภาคการผลิต โดยการเชื่อมต่อ 5G นั้นเป็นการเชื่อมต่อไร้สายที่ีมีคุณสมบัติน่าสนใจหลากหลายประการ เปิดโอกาสให้ดึงศักยภาพการทำงานยุค 4.0 หรือ Digitalization ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ดังนี้

  • IoT Enable รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์สูงสุด 1 ล้านหน่วยต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
  • Low Latency ความหน่วงในการสื่อสารต่ำ เปิดทางสู่การสื่อสารข้อมูลแบบ Real-Time
  • Network Slicing เทคโนโลยีในการจัดสรรพื้นที่หรือ Bandwidth สำหรับช่องสัญญาณเครือข่ายเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบของการใช้งาน

ในรายละเอียดเชิงลึกของเทคโนโลยี 5G นั้นยังมีคุณสมบัติที่สามารถปรับแต่งได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้และความพร้อมของผู้ให้บริการ ซึ่งในความพร้อมของผู้ให้บริการเองนั้น Ecosystem หรือระบบนิเวศน์ของเทคโนโลยีต้องสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน โดยผู้ใช้เองจะต้องสามารถเลือกใช้บริการที่เข้ากับเงื่อนไขของตัวเองได้อย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับโซลูชันด้าน 5G จาก AIS ที่ถูกออกแบบมาร่วมกับพันธมิตรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจการผลิต

AIS 5G ตอบสนองทุกความต้องการในการผลิตด้วยโซลูชันมาตรฐานสากล

ด้วยรูปแบบการทำงานของโรงงานอุตสาหกรรมที่แต่ละกิจกรรมมีพฤติกรรมการใช้งานข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น เซนเซอร์ หรือ IIoT ต่าง ๆ ต้องส่งข้อมูลขนาดเล็ก ๆ จำนวนมหาศาลพร้อมกัน หรือกล้องรักษาความปลอดภัย กล้องสำหรับห้องทดลองอาจต้องการความละเอียดสูงแต่มีการเคลื่อนไหวข้อมูลที่ไม่ได้บ่อยครั้งเท่ากับกิจกรรมของเซนเซอร์ในการผลิต ความแตกต่างเหล่านี้หากไม่มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพแล้วการใช้งานช่องทางของเครือข่ายอาจมีการสูญเปล่าเกิดขึ้น หรือในกรณีที่เลวร้ายยิ่งขึ้นไปการใช้งานบางอย่างอาจมีพื้นที่ส่งข้อมูลเหลือ ในขณะที่อีกช่องทางหนึ่งอาจมีพื้นที่ไม่พอในการส่งข้อมูล ในขณะที่การติดตั้งระบบเครือข่ายในบางพื้นที่อาจเป็นไปไม่ได้เนื่องจากปัญหาในการเข้าถึงตำแหน่งที่เหมาะสม การแก้ปัญหาเหล่านี้โซลูชันการเชื่อมต่อ 5G จาก AIS สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

AIS ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อออกแบบและปรับแต่ง Ecosystem ให้พร้อมบริการโซลูชันที่หลากหลาย สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตที่สามารถเอาชนะความท้าทายในการแข่งขันได้ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยเทคโนโลยีที่น่าสนใจซึ่ง AIS 5G มีพร้อมบริการสำหรับภาคธุรกิจ ได้แก่

5G Fixed Wireless Access (5G FWA)

พัฒนาศักยภาพการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีไร้สายให้มีความใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อดั้งเดิมแบบใช้สาย ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็วที่มากกว่าและความหน่วงในระดับที่ต่ำกว่า สามารถแบ่งช่องสัญญาณเฉพาะสำหรับการใช้งานเพื่อให้สามารถดำเนินการภายใต้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด มาพร้อมบริการหลังการขายจากทีมวิศวกรมืออาชีพที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง

Multi-access EDGE Computing (MEC)

ยกระดับ Cloud หรือหน่วยประมวลผลในการใช้งานเครือข่ายด้วยการติดตั้งหน่วยประมวลผล eMBB ในพื้นที่ที่ใกล้กับการใช้งาน ทำให้ลดระยะทางระหว่างอุปกรณ์ เช่น การสื่อสารผ่านคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเดิมอาจจะต้องส่งข้อมูลไปยัง Cloud หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต่างประเทศเพื่อประมวลผลและส่งข้อมูลต่อยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง แต่ด้วย MEC การประมวลผลจึงเกิดขึ้นในระบบเครือข่ายซึ่งมีหน่วยประมวลผลถูกติดตั้งไว้ในพื้นที่กายภาพที่ใกล้เคียงกับการใช้งาน ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วและลดความหน่วงในการใช้งานได้ เช่น การใช้งาน Data Analytics

Network Slicing

นวัตกรรมสำคัญสำหรับเครือข่าย 5G ที่ทำให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรของระบบเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละกิจกรรมของการผลิตได้ ทั้งยังสามารถควบคุม Quality of Service (QoS) ในการใช้งาน 5G FWA ได้เป็นอย่างดี เช่น การใช้งาน eMBB Slicing ในการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ตโฟนหรือแว่น VR ในขณะที่ mMTC Slicing เหมาะกับการรองรับอุปกรณ์ IoT หรือเครื่องจักรจำนวนมากในพื้นที่อันจำกัด และ uRLLC Slicing เหมาะสำหรับการสื่อสารความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ เช่น การควบคุมยานยนต์อัตโนมัติหรือการใช้งานทางการแพทย์อย่างการผ่าตัด เป็นต้น

5G Private Network

บริการ Private Network สำหรับการส่งข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงหรือโซลูชันที่ต้องการความแม่นยำสูง โครงข่ายรูปแบบนี้จะถูกออกแบบให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจที่เกิดขึ้น โดยมีให้เลือกใช้งาน 3 รูปแบบ ได้แก่

Virtual Private Network: เครือข่าย 5G เพื่อการใช้งานประมวลผลทั่วไป โดยออกแบบให้เชื่อมต่อเครือข่าย AIS 5G ไปยัง Shared MEC, Shared UPF จึงเหมาะกับโซลูชัน Augmented Reality และ OEE สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเครื่องจักร

Zoning Virtual Private Network: เครือข่าย 5G เพื่อการประมวลผลเฉพาะทาง ปรับให้มี Latency ต่ำ โดยการเชื่อมต่อเครือข่าย AIS 5G ไปยัง Regional MEC, Regional UPF จึงเหมาะกับการใช้งานเพื่อตอบโจทย์โซลูชันอาทิ Remote Control with VDO, Machine Vision, Autonomous Mobile Robot และ Smart City

Dedicated Private Network: ผสมผสานความรวดเร็วระดับสูง ความหน่วงต่ำ และความปลอดภัยระดับสูงพิเศษเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการศักยภาพและความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ เช่น ระบบอัตโนมัติในโรงงาน เครือข่าย 5G ทีมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยชื่อมต่อเครือข่าย AIS 5G ไปยัง Dedicated MEC, Dedicated UPF จึง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเแม่นยำสูง อย่างเช่น Industrial Automation และ Remote Surgery High Speed with Low Latency High Privacy Guaranteed Bandwidth (QoS) and Traffic Isolation by Network Slicing

เพื่อเสริมศักยภาพการใช้โครงข่าย 5 ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น AIS ยังมี โซลูชันต่อยอดเพื่อเสริมความปลอดภัยให้เครือข่ายด้วย 5G Security Platform

การเติบโตของโลกดิจิทัลนั้นมาพร้อมกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อีกมากมาย โซลูชันด้านความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ AIS ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่น ๆ ด้วย Ecosystem ที่ครอบคลุม SD-WAN Firewall, Managed SASE, AIS CSOC และ Cloud Security เพื่อให้สามารถตอบสนองการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างครอบคลุมต่อการใช้งานจริง

เทคโนโลยีเหล่านี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ AIS 5G Ecosystem นั้นสามารถสนับสนุนต่อการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจการผลิตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสายการผลิตที่ต้องการทำ Transformation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเปลี่ยนแปลงสู่สายการผลิตแบบ Mass Customization ที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ่อยครั้ง แต่ในช่วงเวลาเดียวกันยังต้องมีการเก็บข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจน ทั้งยังต้องการความสามารถในการบริหารจัดการที่สนับสนุนให้เกิดการเจริญเติบโตของธุรกิจได้อีกด้วย

ไม่ว่าตลาดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบเครือข่ายจะปลดล็อคผู้ผลิตในการสร้างการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตั้งแต่การปรับปรุงเลย์เอาท์หรือลำดับขั้นตอนอย่างง่าย ไปจนถึงการลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีหรือใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับการผลิตดั้งเดิมที่มีอยู่ การดำเนินการจึงสามารถขึ้นได้โดยไม่ต้องกังวลมากนักในเรื่องของต้นทุนที่มักจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโซลูชันและบริการของ AIS 5G จะช่วยลดต้นทุนในการทำ Transformation ต่าง ๆ รวมถึงเปิดทางสู่การผลิตแบบ Mass Customization ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

AIS Business พาร์ทเนอร์ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกเรื่อง ICT & Digital ที่คุณมั่นใจ

“Your Trusted Smart Digital Partner”

พร้อมสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ด้วยการเร่งขับเคลื่อนดิจัทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้า โดยเทคโนโลยีและการให้บริการดิจิทัลที่หลากหลายครบครัน ด้วยทีมงานที่ไว้ใจได้ในความสามารถอย่างมืออาชีพ

สนใจปรึกษาและวางแผนพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่ 

E-mail : [email protected]

Website : https://business.ais.co.th/

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924