Wednesday, November 27Modern Manufacturing
×

บี.กริม โชว์รายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 15% เล็งขยายโรงไฟฟ้าที่ฟิลิปปินส์-เวียดนาม

บี.กริม เพาเวอร์ โชว์รายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พ่วงมาด้วยอัตรากำไร EBITDA 28% นั่งแท่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของไทย มั่นใจศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนตามเป้าที่วางไว้

คุณปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม – มิถุนายน 2560) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 15,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 5 (ABP5) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ ดับบลิวเอชเอ 1 (BPWHA1) ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช โดยสัดส่วนของรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. 62% และลูกค้าอุตสาหกรรมในไทย 29%

ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 4,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 28% โดยมีสาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ กำไรสุทธิปรับปรุงจำนวน 1,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน

คุณปรียนาถ กล่าวว่า “การดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อตามแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่วางไว้ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อเร็วๆ นี้ คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เซน้ำน้อย 2 และเซกะตำ 1 (XXHP) ซึ่งเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่ สปป. ลาว ไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา คาดว่าจะได้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 20% และบริษัทยังมีความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าแบบ SPP อีก 3 โครงการ ขนาดกำลังผลิตรวม 399 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนที่วางไว้ โดยจะสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2561 ตรงตามกำหนดทุกโครงการ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเจรจาและสรุปรายละเอียดข้อตกลงในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยกับองค์การทหารผ่านศึกและสหกรณ์การเกษตร ขนาดกำลังการผลิตรวม 36 เมกะวัตต์ รวมถึงกำลังเตรียมดำเนินการเพื่อเข้าประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm จำนวน 300 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ด้านโครงการโรงไฟฟ้าที่ต่างประเทศนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาและสรุปรายละเอียดข้อตกลงในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมาเลเซีย ขนาดกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 44 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,431 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวมทั้งสิ้น 30 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,646 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่ระหว่างการพัฒนา 14 โครงการ มีกำลังการผลิตติตตั้งรวม 785 เมกะวัตต์

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924