Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

กนอ.เผยยอดลงทุนในนิคมฯ 9 เดือนปี’64 ทะลุ 1.3 แสนลบ. โตก้าวกระโดด 138% อีอีซียังเนื้อหอม

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เผยภาพรวมการลงทุน 9 เดือนปีงบประมาณ 2564 เม็ดเงินลงทุนพุ่งกว่า 130,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย/เช่าที่ดินลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.59% จากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(Covid-19)ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเดินทางเข้ามาดูพื้นที่ไม่สะดวก คาดการลงทุนของไทยและจากต่างประเทศช่วงไตรมาส 4 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวและเชื่อมั่นในจุดแข็งของไทยที่เป็นแม่เหล็กดูดการลงทุน!

กนอ.เผยยอดลงทุนในนิคมฯ 9 เดือนปี’64 ทะลุ 1.3 แสนลบ.

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2564 (ต.ค.63-มิ.ย.64) มีการชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศชั่วคราว โดยในภาพรวมของนิคมอุตสาหกรรม มียอดขาย/เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 927.09 ไร่ ประกอบด้วยยอดการขาย/เช่าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จำนวน 747.99 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซี จำนวน 179.10 ไร่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 49.59 (ปี 2563 ยอดขาย/เช่า ช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 1,838.96 ไร่) เนื่องจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเลื่อนออกไปจากมาตรการจำกัดการเดินทาง ขณะที่มูลค่าการลงทุนรวมช่วง 9 เดือนปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 130,289.44 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เป็นจำนวนร้อยละ 138.27 (มูลค่าการลงทุนปี 2563 อยู่ที่ 54,681.37 ล้านบาท)

Product Finder แหล่งรวมผู้ผลิตและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ | SIEMENS [SuperSource] 

จากการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าเดิมในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กระบวนการผลิต  สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการลงทุน ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักรและอะไหล่  โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง ร้อยละ 13.77  อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ ร้อยละ 10.83 อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม ร้อยละ 7.80 อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักรและอะไหล่ ร้อยละ 7.01 และอุตสาหกรรมปุ๋ย สี และเคมีภัณฑ์ ร้อยละ 6.05 โดยนักลงทุนจากประเทศจีนให้ความสนใจมาลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 15.15 รองลงมาคือ นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ร้อยละ 12.12  และสิงคโปร์ เกาหลี และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 9.09

“ปัจจุบันมีนักลงทุนแสดงความสนใจที่จะซื้อ/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า(Warehouse) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อเนื่อง ผนวกกับกระแสการย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีนของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น และอเมริกามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการรองรับการลงทุนเพื่อเป็นฐานและศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่อการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมทุกนิคมฯ ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเชื่อว่าในช่วงปลายปี 2564 การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจะดีขึ้น หลังคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะควบคุมการระบาดระลอก 3 ได้ในระดับหนึ่งจากการจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 และสร้างระดับภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวขึ้นได้”นายวีริศฯ กล่าว

สำหรับการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสะสมสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2564 มีจำนวนประมาณ 178,891 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง ประมาณ 37,724 ไร่ และเป็นนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ประมาณ 141,167 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่า ประมาณ 118,667 ไร่ /เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าแล้ว ประมาณ 90,972 ไร่ จึงยังคงมีพื้นที่คงเหลือสำหรับขาย/ให้เช่าอีกประมาณ 27,695 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนสะสม ประมาณ 4.70 ล้านล้านบาท มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 4,944 โรง และมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 815,942 คน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พบว่า ปัจจุบันมีบริษัทจำนวนมากย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าตั้งแต่กลางปี 2561 จนถึงปัจจุบันมีนักลงทุนมาลงทุนในไทยแล้วกว่า 230 โครงการ เงินลงทุนรวม 1.2 แสนล้านบาท ขณะที่ยังมีกลุ่มที่ตัดสินใจขยายการลงทุนในไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านซัพพลายเชน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีพื้นฐานของระบบซัพพลายเชนที่ดีในระดับหนึ่ง อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการตั้งฐานธุรกิจในระยะยาว

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924