มีการพยากรณ์เอาไว้ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจมากกว่า 85% จะเข้าสู่ระบบดิจิทัล และหากพิจารณาถึงมิติที่เชื่อมโยงความเป็นไปได้ของกระแสดิจิทัลในปัจจุบันที่เกือบทุกธุรกิจบนโลกต่างอาศัยการเชื่อมโยงด้วยระบบดิจิทัล คำพยากรณ์นี้จะเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร้ข้อกังขา
สำหรับผู้บริหารคลังสินค้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ฉับไว ด้วยการใช้นวัตกรรมบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีความทันสมัย ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยให้องค์กรอยู่รอดได้ในอนาคต หากแต่ยังทำให้ห่วงโซ่อุปทานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย เรียกได้ว่า ‘ดีทั้งต่อลูกค้าและธุรกิจ’
การติดต่อสื่อสารแบบ EDI เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจำนวนมากจะถูกนำเข้าสู่การจัดการคลังสินค้าในหลากหลายวิธี ในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีอย่าง EDI (Electronic Data Interchange) จะทำให้เกิดการแชร์เอกสารระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ 2 ระบบ ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการจัดการคลังสินค้าได้มีการนำไปประยุกต์ใช้แล้ว และตั้งเป้าการขยายตัวโดยการใช้เทคโนโลยี EDI อย่างแพร่หลาย ได้แก่: Purchase Orders, Warehouse Shipping Orders, Warehouse Stock Transfer Receipts, Warehouse Shipping Advice และ Warehouse Inventory Advice
ประโยชน์ของ EDI มีมากมาย เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบ Warehouse Management System (WMS) ที่ประสบความสำเร็จ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุด คือ การไหลของข้อมูลอย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ 2 ระบบที่แตกต่างกัน เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ของคู่ค้าทางธุรกิจอาจไม่เหมือนกันเสมอไป โดยรูปแบบมาตรฐานและความเข้ากันได้ของเอกสาร EDI ช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างคู่ค้าทั้งหมดมีความราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
RFID
Radio Frequency Identification (RFID) เป็นกำลังหลักในการจัดการคลังสินค้าอยู่แล้ว แต่มันจะมีความรอบรู้มากขึ้นในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ ทั้งนี้ เทคโนโลยี RFID ใช้คลื่นวิทยุในการป้อนข้อมูลระหว่างป้ายที่ติดอยู่ที่สต็อกสินค้า และเครื่องอ่านที่รับสัญญาณ
ประโยชน์ของ RFID ทำให้เห็นสต็อกได้อย่างชัดเจน และโปร่งใส ซึ่งทำให้การจัดเก็บสินค้าเป็นเรื่องง่าย และยังช่วยลดการโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้น สถาบัน Fraunhofer Institute สำหรับด้านการไหลของวัสดุและโลจิสติกส์ ในเมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี กำลังคิดค้นวิธีการรวมเทคโนโลยีโดรนเข้ากับ RFID เพื่อทำให้กระบวนการจัดเก็บสินค้าเป็นอัตโนมัติ โดยการติดตั้งเครื่องอ่านบนโดรน เพื่อให้การจัดเก็บสินค้าสามารถถูกบันทึกลงในรายการได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และยังสามารถประหยัดพื้นที่ได้ด้วย
มุ่งหน้าสู่ Cloud
คลังสินค้าจำนวนมากที่กำลังดำเนินการด้วยระบบที่สืบทอดต่อกันมา โดยเฉพาะระบบต่างๆ ที่ล้าสมัยจะถูกเปลี่ยนสู่เทคโนโลยี Cloud กล่าวคือ ระบบการจัดเก็บของ Cloud มีการอัพเดตตัวเองอยู่บ่อยครั้ง นั่นหมายความว่า ระบบสามารถถูกนำเข้ามาใช้ทดแทนคน ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายต่อการใช้งาน
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องพิจารณาก่อนทำการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ระบบ Cloud ว่าใครจะเป็นเจ้าของข้อมูล ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่ใด เซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ที่ไหนและเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่
การเติบโตของหุ่นยนต์
หุ่นยนต์กำลังมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงระดับของการทำงานอัตโนมัติในการจัดการคลังสินค้า ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ของ Amazon แต่ละตัวมีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ โดยหุ่นยนต์ทุกตัวจะเรียนรู้ว่าต้องไปรับสินค้าที่รอการจัดเก็บที่ไหน จากนั้นจึงไปรับสินค้า และนำไปให้พนักงานคลังสินค้าเพื่อทำการกระจายหรือนำไปที่รถบรรทุกต่อไป หุ่นยนต์แต่ละตัวจะถูกติดตั้งแท่นวางสินค้าไว้ที่หลัง ดังนั้น จึงสามารถเคลื่อนที่ไปทั่วคลังสินค้าได้โดยสะดวก
ทั้งนี้ การปรับกระบวนการจากคนไปหาสินค้า ให้เป็นสินค้ามาหาคนเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์สามารถถูกใช้งานเพื่อปฏิวัติสายงานโลจิสติกส์ได้อย่างไร
จับตาดูแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
การพัฒนาที่น่าสนใจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ในด้านการจัดการคลังสินค้า จะเป็นส่วนของพลังงานลิเธียมไอออนที่มีความก้าวหน้า โดยเมื่อปลายปี ค.ศ.2015 บริษัทสัญชาติยุโรป Linde Material Handling ได้ทำการอัพเกรดรถบรรทุกของพวกเขาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ รถบรรทุกแท่นวาง รถปิคอัพคำสั่งระดับต่ำ และหัวลาก ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
ผลลัพธ์ คือ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่แบบกรดตะกั่ว โดยสามารถทำให้รถขับเคลื่อนได้เมื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ซึ่งหมายถึง ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่น้อยลง และสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นในแต่ละแอปพลิเคชั่น
ทั้งนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปี ดังนั้น รถบรรทุกและอุปกรณ์คลังสินค้าที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จึงมีต้นทุนด้านพลังงานต่ำลง ทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตอีกด้วย
คอมโพสิต นวัตกรรมการก่อสร้างคลังสินค้า
การก่อสร้างคลังสินค้าจะถูกเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่ปีนี้ เป็นที่แน่นอนว่าเทคโนโลยี Single – Envelop Technology จะเข้ามาแทนที่วิธีการและวัสดุดั้งเดิมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยการใช้ประโยชน์จากแผ่นคอมโพสิตในการก่อสร้างการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความมิดชิด และความทนทานจะเพิ่มขึ้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประโยชน์หลักที่จะได้รับ จากการใช้เทคโนโลยีวัสดุดังกล่าวโดยเฉพาะคลังสินค้าห้องเย็น
ตัวอย่างสำคัญของการออกแบบนี้ ได้แก่ บริษัท ISD Solutions ผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและก่อสร้างห้องเย็น ที่ตั้งอยู่ในเมือง Wisbech สหราชอาณาจักร ได้สร้างโรงงานเพื่อปรับปรุงจำนวนของคลังสินค้าเก็บอาหารแช่แข็ง โดยสามารถลดต้นทุนเวลา และการก่อสร้างลงได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ในการสร้างตึกขนาด 36,000 ตารางเมตร
ISD Solutions มั่นใจว่าแบบแผนการออกแบบของพวกเขาจะเปลี่ยนหน้าตาของการก่อสร้างคลังสินค้าห้องเย็นในสหราชอาณาจักร ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุน และระยะเวลาในการก่อสร้าง ยังช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น เทคโนโลยีแผ่นคอมโพสิตจะถูกใช้กับหลากหลายแอปพลิเคชั่นในอนาคตอย่างแน่นอน
EXECUTIVE SUMMARY
When the world of business today and incoming day are becoming the world of digitalization system connectivity, warehouse manager must take an action into this issue as fast as they can. The innovation that could modernize the warehouse management such as Electronic Data Interchange (EDI), DroneScan feature that could scan the barcode in unreachable area, Radio Frequency Identification (RFID) that could input the data among the label on product and the signal receiver through radio signal, Lithium Ion battery usage in Forklift or automobile inside warehouse to reduce cost or use innovations to design and choose the construction material to reduce cost and energy consumption effectively