BANPU จับมือ 2 บริษัทชั้นนำ ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนอาคาร และหลังคาลานจอดรถแบบครบวงจร รวมกำลังการผลิตกว่า 2.6 เมกะวัตต์
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาสประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้ลงนามข้อตกลงติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี และบริษัท ระยองสตาร์ จำกัด ผู้ประกอบการชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม ที่พัก และตลาดเชิงพาณิชย์ ในจังหวัดระยอง ซึ่งทั้ง 2 องค์กรเลือกติดตั้งด้วยแพ็กเกจแบบ Signature Package ที่มีการติดตั้งและดูแลหลังการขายให้ฟรีตลอดอายุสัญญา
สำหรับบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ลงนามข้อตกลงติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาอาคาร 3 แห่ง รวมขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,061 กิโลวัตต์ ประกอบด้วย อาคารชาเลนเจอร์ ขนาดกำลังผลิต 594 กิโลวัตต์ อาคารจอดรถ P2 ขนาดกำลังผลิต 316 กิโลวัตต์ ซึ่งทั้ง 2 อาคารได้มีการติดตั้งแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนตุลาคมในปีนี้ สำหรับอาคารจอดรถ P3 ขนาดกำลังผลิต 151 กิโลวัตต์คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานภายในเดือนสิงหาคมปี 2563
ส่วนบริษัท ระยองสตาร์ จำกัด ลงนามข้อตกลงติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาอาคาร 3 แห่ง รวมขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,609 กิโลวัตต์ ประกอบด้วย ตลาดสตาร์ ระยอง ขนาดกำลังผลิต 964 กิโลวัตต์โรงแรม สตาร์ คอนเวนชั่น ขนาดกำลังผลิต 261 กิโลวัตต์ และสตาร์ ไอที เซ็นเตอร์ ขนาดกำลังผลิต 384 กิโลวัตต์ ซึ่งทั้ง 3 อาคารมีการติดตั้งแล้วเสร็จและเริ่มใช้พลังงานสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายเจมส์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บ้านปู มีลูกค้าที่ติดตั้งโซลาร์โซลูชัน ในพอร์ตฟอลิโอหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมโรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ธุรกิจรีเทล สถานีน้ำมัน สถาบันการศึกษา เป็นต้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการในประเทศไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยหันมาใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน และช่วยลดต้นทุนให้แก่องค์กรอย่างชาญฉลาด
ทั้งนี้จากการติดตั้งโซลาร์โซลูชันให้แก่ลูกค้าจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 บ้านปู และลูกค้าสามารถผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ รวมทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 200,000 ต้น ช่วยลดการใช้น้ำประมาณ 7 ล้านลิตร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 3,600 ตัน
