นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE กล่าวถึงความคืบหน้าแผนลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ว่า จะมีความชัดเจนในปี 2563 เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนไม่เกิน 11 เมกะวัตต์
นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE กล่าวถึงความคืบหน้าแผนลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ว่า จะมีความชัดเจนในปี 2563 เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนไม่เกิน 11 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ในปี 2563 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีนี้ มาจาก ธุรกิจโรงไฟฟ้า 49%, ธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (PMS) 45% และ ธุรกิจผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) 6% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 14:84:2 ตามลำดับ ส่วนผลประกอบการปีนี้ยอมรับว่ารายได้คงทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่จะเติบโตถึง 50% หลังปริมาณใช้บริการอัดก๊าซธรรมชาติลดลงตามความต้องการในประเทศ
นายจักรพงส์ กล่าวว่า รายได้หลักในปี 63 จะมาจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ของโรงไฟฟ้าชีวมวล แม่กระทิง กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 8 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อัตราการรับซื้อไฟอยู่ที่ 4.56 บาท/หน่วยที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีเป็นปีแรก หลังจากที่เริ่ม COD ในช่วงเดือนส.ค.62 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเป็น 30 เมกะวัตต์ภายในปี 65
ด้านธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (PMS) โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งของ บมจ.ปตท. (PTT) เพื่อขนส่งไปให้กับสถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ หรือสถานีลูก คาดว่าปี 63 ปริมาณการให้บริการยังคงจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาที่ 500 ตันต่อวัน ตามความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เห็นได้จากในช่วง 9 เดือนของปีนี้ปริมาณการให้บริการลดลงมาอยู่ที่ 502.80 ตันต่อวัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 568.73 ตัน/วัน
ส่วนธุรกิจผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) คาดว่าจะกลับมามีกำไรได้ในปีหน้า จากการตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซไบโอมีเทนอัดไว้ที่ 7 ตันต่อวัน โดยจะมาจากการขายให้กับโรงงานอุตสาหกรรม 5.5 ตันต่อวัน และการขายหน้าปั๊ม 1-1.5 ตันต่อวัน