Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

CEO GC ยึด 3 Steps สานต่อ ปิโตรเคมี

CEO GC  เดินหน้ากลยุทธ์ 3 Steps สานต่อโครงการปิโตรเคมี ต่อยอดธุรกิจสู่ระดับโลก และยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และนวัตกรรมด้าน Green มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า GC ประกาศวิสัยทัศน์ พร้อมก้าวไกลไประดับโลก To be a Leading Global Chemical Company for Better Living  เป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต โดยภายใต้วิสัยทัศน์นี้มีคีย์เวิร์ดสำคัญ 3 คำได้แก่ 1) Leading คือการเป็นผู้นำซึ่งในความหมายของ GC คือจะต้องวัดผลได้ 2) Global ความหมายตรงตัว คือการมุ่งสู่ระดับโลก และ 3) Better Living สร้างชีวิตที่ดี มุ่งเน้นความยั่งยืน ตรงกับนโยบายการทำงานล่าสุดคือ “สานต่อ ต่อยอด” โดย GC จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3 Steps

 • Step Change:  สานต่อสร้างบ้านให้แข็งแรง GC Group ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้วยการสานต่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทฯ ที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่ม Plant Reliability ให้อยู่ในระดับ 1st Quartile และ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำและ High Value Business รวมถึงการขยายตลาดในภูมิภาค South East Asia

Step Out: การหาฐานธุรกิจแห่งที่ 2 (Second Home Base) ซึ่งมีศักยภาพในการแข่งขันด้านวัตถุดิบหรือการเติบโตของตลาด อาทิ โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพความเป็นต่อด้านวัตถุดิบ (Feedstock) ต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย Mergers and Acquisitions (M&A) สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด

Step Up: สานต่อแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่ง GC ได้ปฏิบัติอย่างโดดเด่น ด้วยความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความยั่งยืนสูงสุด และต่อยอดบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกธุรกิจและกระบวนการของบริษัทฯ โดยในปี 2562 GC ได้รับการจัดอันดับจาก DJSI ให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ด้านการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

สำหรับ ความก้าวหน้าโครงการลงทุน GC มีการลงทุนเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักมูลค่าการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท

โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) เป็นการขยายกำลังการผลิตผ่านการลงทุนใน Naphtha Cracker  เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบที่บริษัทฯ มีอยู่แล้ว ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำในอนาคตด้วยกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000 ตันและ โพรพิลีน 250,000 ตัน อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว ประมาณ 73% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563 มูลค่าโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท

โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide :PO) และ โครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (PO) 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ (Polyols) 130,000 ตันต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 34,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการเป็นต่อยอดผลิตภัณฑ์โพรพิลีนไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางสายโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ High Value Business ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการ PO คืบหน้าไปแล้ว 79% และโครงการโพลีออลส์ คืบหน้าไปแล้ว 77% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563

โครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงใน 2 โครงการ ได้แก่  PA9T 13,000 ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเกรดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) มูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท

โครงการพลาสติกรีไซเคิล เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางด้าน Circular Economy ของ GC โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว มาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการ Recycle ได้เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงระดับ Food-Grade และ Packaging-Grade

ร่วมมือกับพันธมิตร แอลพลา  (ALPLA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงระดับโลก ปฏิวัติการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (ENVICCO Limited) ที่นิคมเอเชีย มาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกหมุนเวียนคุณภาพสูง ชนิด rPET ขนาด 30,000 ตันต่อปี และ rHDPE ขนาด 15,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2564 มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความได้เปรียบในด้านความสามารถในการแข่งขันทางด้านวัตถุดิบ นั้นคือมีแหล่งวัตถุดิบ Ethane ซึ่งมีต้นทุนที่มีความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งปี 2563 จะได้ผลสรุปเพื่อตัดสินใจในการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ GC อยู่ในระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการเช่น เงื่อนไขสัญญาการก่อสร้างโครงการ และการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ เป้าหมายเพื่อเป็น Second Home Base ของบริษัทฯ

ทั้งนี้ สิ่งที่ GC มุ่งเน้นเพื่อสร้างความยั่งยืนมี 2 ประเด็นหลัก คือ 1) การลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 2) การนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ ซึ่งครอบคลุมใน 3 ส่วนหลักได้แก่

Smart Operating: สร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Responsible Caring: เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืน ไม่ผลิตสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และ ต้องพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ผลิตออกไป จะต้องปล่อยของเสียน้อยที่สุด

Loop Connecting: เพิ่มพลังความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร โดยขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจรในโครงการ Upcycling Plastic Waste อาทิ โครงการ PPP วัดจากแดง (OUR Khung BangKachao) Think Cycle Bank เป็นต้น

GC มุ่งมั่นในการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) จากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ใน 10 ปีข้างหน้า (ปี 2573) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาภาวะโลกร้อน สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 52% ภายในปี 2593 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส

ผลิตภัณฑ์ที่ GC ดำเนินการผลิต ได้รับการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint และ Carbon Footprint Reduction จาก องค์การก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง GC มีการวางเป้าหมายที่จะมีผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Chemicals) เพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2573 และยกเลิกการผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งใน 5 ปีข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ GC ยังได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI ปี 2019 โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย Percentile 100 และอยู่ในระดับ Top 10 ของ DJSI World และ Emerging Markets ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ (Chemical Sector) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7

นอกจากนี้ GC ในฐานะภาคเอกชนที่มีการขับเคลื่อนและนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ในการดำเนินการอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในพันธมิตรด้านความยั่งยืน (Partner for Sustainability) ในการสนับสนุนของที่ระลึกในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 โดย GC ได้นำหลัก Circular Economy และนวัตกรรมด้าน Green ที่ได้ดำเนินการ มานำเสนอต่อผู้เข้าร่วมงานอย่างเป็นรูปธรรม

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924