กฟผ. เผยจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบรอบสอง ผ่านเกณฑ์การเสนอราคาทั้งหมด จำนวน 8 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 26,950 ตัน คาดลงนามสัญญาซื้อขาย 31 พ.ค. 2562
นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. ชี้แจงความคืบหน้าในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ รอบแรกว่า ขณะนี้ กฟผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบร่วมกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบเรียบร้อยแล้ว จำนวน 14 ราย ปริมาณ 39,300 ตัน โดยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบส่งมอบที่คลังน้ำมันปาล์มดิบ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2562 และเมื่อ กฟผ. ได้ตรวจรับน้ำมันปาล์มดิบและเอกสารครบถ้วนแล้ว กฟผ. จะชำระเงินค่าน้ำมันปาล์มดิบภายใน 7 วันทำการ
นอกจากนี้ ได้รายงานความคืบหน้าในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบรอบสองว่า หลังจากที่ได้ออกประกาศเชิญชวนให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบตามรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 149 ราย เข้าแข่งขันเสนอราคาขายน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 54,700 ตันแล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 และกำหนดให้โรงงานสกัดยื่นเสนอราคาตามปริมาณที่มีสิทธิเสนอขายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการพิจารณาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่มายื่นเสนอราคาน้ำมันปาล์มดิบ พบว่า ผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การเสนอราคาทั้งหมด จำนวน 8 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 26,950 ตัน รวมการจัดซื้อสองรอบรวมเป็นปริมาณ 66,250 ตัน คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายประมาณวันที่ 31 พฤษภาคม 2562
อย่างไรก็ตาม รายงานแจ้งว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในตลาดอยู่ที่ 17.25 บาท ต่อกิโลกรัม สูงกว่าราคากลางที่ กฟผ. จัดซื้อที่ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่ง นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน บอกว่า ไม่มีความจำ เป็นที่ กฟผ.จะต้องเปิดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในรอบต่อไปให้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ 100,000 ตัน
พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อ ราคา CPO ปรับสูงขึ้น ราคาผลปาล์มดิบจึงควรมีราคาอยู่ที่ระดับ 3-3.10 บาทต่อ ต่อกิโลกรัม แต่ขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบเฉลี่ย 2.50-2.70 บาทต่อ ต่อกิโลกรัม เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐวางไว้ จึงเป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์และภาคเกษตรกรต้องไปศึกษาว่าเกิดจากเหตุอะไร จึงยกระดับราคาผลปาล์มดิบไม่ได้ ทั้งที่ราคา CPO ขยับขึ้นแล้ว