Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

GPSC ควัก 4 หมื่นลบ.ซื้อหุ้นรายย่อย GLOW

GPSC ปิดดีลเข้าซื้อหุ้นใหญ่ GLOW 69.11% มูลค่า 93,000 ล้านบาท และเตรียมเงิน 40,000 ล้านบาท ทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด 30.89% จากผู้ถือหุ้นรายย่อย

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) รวมกิจการกับบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ภายใต้เงื่อนไขให้ GLOW จำหน่ายกิจการของบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ให้แล้วเสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับที่ GPSC รวมกิจการกับ GLOW ซึ่งล่าสุด GLOW ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันที่ 14 มีนาคม 2562 GPSC จึงเข้าทำธุรกรรมซื้อหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมใน GLOW จาก ENGIE Global Developments B.V. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GLOW ในสัดส่วน 69.11% โดยการชำระค่าหุ้นในราคาหุ้นละ 91.9906 บาท มูลค่าประมาณ 93,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน GPSC ยังได้เตรียมงบประมาณจำนวน 40,000 ล้านบาท ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการ (Tender Offer) สัดส่วนประมาณ 30.89% ของหุ้นทั้งหมดของ GLOW ในราคาเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นระหว่าง GPSC และ ENGIE Global Developments B.V.

แต่ทั้งนี้ราคาดังกล่าวจะมีการปรับลดลง หาก GLOW มีการกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการได้รับเงินปันผล หรือสิทธิใดๆ ต่อผู้ถือหุ้น โดยการกำหนดสิทธิดังกล่าว เกิดก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อ ราคาเสนอซื้อหุ้นของ GLOW จะปรับลดลงในจำนวนเงินเทียบเท่าเงินปันผล หรือสิทธิต่างๆ ดังกล่าว และผู้ถือหุ้นที่แสดงเจตนาขายจะได้รับสิทธิเงินปันผล หรือสิทธิต่างๆ ดังกล่าวของ GLOW โดยคาดว่าจะสามารถยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคม 2562 นี้ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ภายหลังการรวมกิจการจะส่งผลให้ GPSC มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2,771 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิต 1,955 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 4,726 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ GPSC มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ และสามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมได้มากยิ่งขึ้น

นายชวลิต กล่าวว่า จุดแข็งของทั้งสองบริษัท มาเสริมความแข็งแกร่งด้วยการผนึกศักยภาพผลิตไฟฟ้า(Operational Synergy) ทำให้เกิดการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและให้บริการ ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะมีการลงทุนมากขึ้นในระยะยาว

ปัจจุบัน GPSC ถือหุ้นโดย บมจ.ปตท. (PTT) ในสัดส่วน 22.6% บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 22.7% บมจ.ไทยออยล์ (TOP) 8.9% บจ. ไทยออยล์ พาวเวอร์ (TP) 20.8% และนักลงทุนทั่วไป 25%

GPSC แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) รวมประมาณ 1,955 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 1,585 ตันต่อชั่วโมง น้ำเย็นรวมประมาณ 12,000 ตันความเย็น และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมรวมประมาณ 2,080 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924