Friday, November 22Modern Manufacturing
×

5 เทรนด์น่าจับตาจากงาน Open House ของ Universal Robot

Universal Robot ผู้ผลิตหุ่นยนต์ Cobot ชั้นนำได้จัดงาน Open House ขึ้นที่สำนักงานใหญ่โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 400 คน โดยมีการจัดแสดงและพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ของ Cobot อย่างหลากหลาย ซึ่งสามารถสรุปเป็นประเด็นที่น่าสนใจหลักได้ 5 ประเด็น

Collaborative Robot หรือ Cobot นั้นมีขนาดเล็กและเบากว่าแขนกลหรือหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ซึ่งมีการติดตั้งเซนเซอร์ มาพร้อมซอฟต์แวร์ และมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากที่ทำให้ตั้งโปรแกมและทำงานคู่กับมนุษย์ได้ง่าย ส่งผลให้มีเกิดการใช้งานมากขึ้นและพัฒนาศักยภาพอันหลากหลายของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปพร้อม ๆ กัน โดยภายในงาน Open House ของ Universal Robot มีประเด็นการพูดคุยที่น่าสนใจดังนี้

1. Cobot นั้นพร้อมสำหรับงานจัดเรียงพาเลทแล้ว

การจัดเรียงพาเลทนั้นเป็นงานที่ทำซ้ำ ๆ และมักจะมีน้ำหนักมาก ซึ่งแต่เดิมอาจเป็นการใช้งานแขนกลอุตสาหกรรมทั่วไปเพื่อรองรับโหลดและความรวดเร็วในระดับสูง ซึ่งภายในงานนั้นหุ่นยนต์ UR20 สามารถรองรับ Payload ได้ถึง 20 กิโลกรัม

2. Cobots มีความยืดหยุ่นในงาน Machine Tending

Machine Tending หรือการทำงานร่วมกันกับเครื่องจักร เช่น การหยิบชิ้นงานเข้าออกเครื่อง CNC นั้นเป็นการผสมผสานระหว่าง Machine Vision, ซอฟต์แวร์ และหุ่นยนต์ Cobot ซึ่งแต่เดิมนั้นมีความท้าทายในการบูรณาการสูง ปัจจุบันมีการใช้งาน Edge Box และแพลตฟอร์มบนคลาวด์ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานโปรแกรมระหวา่งเซลล์หุ่นยนต์ ซึ่งมีตัวอย่างกรณีจาก Flexxbotics ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ FlexxCORE ขึ้น

3. UR นั้นมี Ecosystem ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ UR เองที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Cobot เองได้มีแนวคิดด้านการเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรด้าน Ecosystem เพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถผสมผสานเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วให้ตอบสนองต่อความต้องการที่เกิดขึ้นได้สะดวกยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Kane Robotics ได้นำเสนอระบบ GRIT-ST สำหรับดูแลพื้นผิวที่มีความแม่นยำ, ESTIC America เสนอตัวขันสกรูอัตโนมัติสำหรับงานประกอบ เป็นต้น

4. ระบบอัตโนมัตินั้นกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ในการผลิตทุกขนาด

ด้วยความครบเครื่องของ Cobot ที่มีทั้งเซนเซอร์ตรวจจับแรงบิดและตรวจจับแรง ทั้งยังเพิ่มระบบกล้องที่ทำให้ทำงานได้อย่างแม่นยำปลอดภัย และในส่วนของ UI เองก็มีหน้าตาออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ ด้วยความคุ้มค่าในต้นทุนและผลลัพธ์ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบอัตโนมัติจึงเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้น

5. อย่ากลัวหุ่นยนต์และ AI เพราะการมีอยู่ของเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์

แน่นอนว่าหลายคนต้องเคยได้ยินข่าวการสูญเสียตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นในวงกว้างจากการใช้งานหุ่นยนต์ ซึ่งข้อมูลนี้ยังไม่ได้ถูกพิสูจน์ในเชิงลึก (ผู้เชี่ยวชาญจาก MIT CSAIL) โดยมีข้อมูลว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นคิดเป็นการผลิต 48% ของสหรัฐฯ และมีการจ้างงาน 43% ของธุรกิจการผลิต ในกรณีที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 1 ใน 10 ใช้หุ่นยนต์และมีการร้องเรียนว่าขาดแรงงานทักษะในการทำงาน ระบบอัตโนมัติจะกลายเป็นทางออกและเป็นหนทางของการยกระดับทักษะแรงงาน เทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีส่วนช่วยในการยกระดับการใช้งานหุ่นยนต์ เช่น AI เซนเซอร์ และม่านแสง จะช่วยให้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น หุ่นยนต์จะรับรู้ตัวตนของมนุษย์ได้ การทำงานจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้่น

ที่มา:
therobotreport.com


พบกับ สุดยอดองค์ความรู้เพื่อผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล
AUTOMATION SUMMIT 2023
12 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00-18.00 น.
ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 กรุงเทพมหานคร
ลงทะเบียนเข้าร่วมฟรี คลิก!

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924