เทคโนโลยีนั้นได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจและชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นยิ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากมายยิ่งกว่าเทคโนโลยีที่เคยมีมา จากมุมมองของ Gartner ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพบว่ามี 4 เทคโนโลยีที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้าง
ผู้นำในธุรกิจนั้นต้องให้ความใส่ใจกับเทคโนโลยีสำคัญที่กำลังถูกจับตา หรือเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์สำคัญเพื่อใช้วางแผนรับมือและต่อยอดในการแข่งขันที่ต้องเผชิญ เทคโยโลยีกลุ่ม Visual Assistant หรือการสนับสนุนในการมองเห็นนั้นมีการใช้งานกันโดยทั่วไปมาสักระยะหนุ่งแล้ว โดยผลิตถัณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้กันนั้นมีข้อจำกัดและประสบการณ์อาจไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม Virtual Assistant หรือผู้ช่วยเสมือน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะกลายเป็นรูปธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรม องค์กระ และการปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภค แต่เทคโนโลยี Virtual Assistant ที่ล้ำสมัยนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีจำนวนมากที่เกิดขึ้นใหม่และสร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยคุณสมบัติที่มีร่วมกันของเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่
- ประสบการณ์และการใช้งาน
- ศักยภาพทางธุรกิจ
- การปฏิวัติทางผลิตภาพ
คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมีความแข็งแกร่งและความโดดเด่นได้อย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถเข้าถึงการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเทคโนโลยีที่โดดเด่นน่าจับตามองจากมุมมองของ Gartner คือ
Advanced Virtual Assistants (AVAs) หลายครั้งที่เทคโนโลยีนี้ถูกเทียบกับ AI ที่เป็นตัวแทนในการพูดคุย ประมวลผลข้อมูลขาเข้าจากมนุษย์เพื่อสร้างการคาดการณ์และตัดสินใจ เป็นการผสมผสาน UI แบบพื้นฐาน Natural Language Processing (NLP) และความหมายของภาษา (Semantic) รวมถึงเทคนิค Deep Learning เช่น Deep Neural Networkds (DNNs) โมเดลการคาดการณ์ การสนับสนุนการตัดสินใจและการสนับสนุนส่วนบุคคล ซึ่งจะใช้เวลาในการออกสู่ตลาด 1-3 ปี เทคโนโลยีนี้จะสามารถสนับสนุนแรงงานและผู้บริโภคในการตอบสนองต่ออุปกรณ์และ IoT ในขณะที่ยกระดับประสบการณ์และการเข้าถึงได้อีกด้วย
Transformer-Based Language Models เทคโนโลยีนี้ คือ DNNs ที่ประมวลผล ‘คำ’ ในฐานะลำดับ (Sequence) ของประโยค เพื่อเป็นการรักษาบริบทหรือความหมายของเงื่อนไขแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแปล การถอดความ และการสร้าง Natural Language โมเดลเหล่านี้จะถูกฝึกบนชุดข้อมูลนับล้านประโยค คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีนี้จะออกสู่ตลาดในเวลา 1-3 ปี เทคโนโลยีนี้จะสร้างผลกรัทบอย่างใหญ่หลวงจากความสามารถในการแทนที่ระบบ Recurrent Neural Networks (RNNs) นำมาซึ่งความสามารถในการวิเคราะห์คำที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น UI ที่ใช้บทสนทนา เป็นต้น
Packaged Business Capabilities เนื่องจาก Composable Business สามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะสำหรับการใช้งานผ่านส่วนประกอบแต่ละภาคที่ซื้อหรือสร้างขึ้นมา เพื่อสนับสนุนรูปแบบธุรกิจนี้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีจำเป็นต้องนำเสนอ ชุดรวมศักยภาพธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวแทนการรวมเอาฟีเจอร์ที่คัดสรรค์มาแล้วว่าได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ในสายธุรกิจ โดยแนวคิดนี้จะออกมาสู่ตลาดได้ในเวลา 3-6 ปี ผลกระทบจาก ชุดรวมศักยภาพธุรกิจ นั้นอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่สำหรับศักยภาพเดิมที่มีอยู่แล้วเพียงแต่เป็นการบูรณาการให้กว้างยิ่งขึ้นในส่วนของ Composable Business ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีการนำเสนอในตลาด การขาย และการนำส่งโซลูชันที่มีอยู่
*หมายเหตุ Composable Business นั้น Gartner ได้ให้ความหมายไว้ว่าเป็นการสร้างองค์กรที่สามารถปรับเปลี่ยนหน่วยภายในได้ (Interchangeable Building Block) คล้ายกับการต่อเลโก้หรือบล็อคไม้ของเด็กเล่น
AR Cloud เป็นการเปิดประตูในการผสานรวมเป็นหนึ่งของโลกกายภาพและโลกดิจิทัลด้วยศักยภาพความสม่ำเสมอ ความร่วมมือ และเนื้อหาในบริบทดิจิทัลที่เกี่ยวกับผูคน วัตถุ สถานที่ เพื่อส่งมอบข้อมูลและบริการที่เกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมของสิ่งแวดล้อมในโลกกายภาพของมนุษย์ให้กับผู้คน เช่น มนุษย์แต่ละคนสามารถรับค่าตอบแทน เส้นทาง ตารางงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางสาธารณะบนพื้นฐานของบริบทตัวเอง ซึ่งจะยึดโยงกับสถานะบุคคล ภูมิศาสตร์ที่อยู่ ตารางเวลา และสิ่งต่าง ๆ เพียงแค่มองดูรถเมล์หรือป่ายรถเมล์ด้วยมือถือ แท็บเบล็ค หรือ HMD (จอแสดงผลสวมใส่) เพื่อเข้าถึงข้อมูล คาดว่าจะใช้เวลา 6-8 ปีในการนำเทคโนโลยีนี้ออกสู่ตลาด ผลกระทบที่เกิดขึ้นนับว่าอยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจากจะเปลี่ยนวิธีการที่มนุษย์จะปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว AR Cloud จะสร้างชั้นนามธรรมดิจิทัลสำหรับผู้คน สถานที่และสิ่งของ ซึ่งจะเกี่ยวข้องไปยังทุกธุรกิจ การใช้งานของผู้บริโภค และทุกอุตสาหกรรมโดยยึดโยงกับภูมิศาสตร์พื้นที่ที่อาศัยอยู่ ประสบการณ์ใหม่จะเกิดขึ้น และนอกจากนี้โมเดลธุรกิจแบบใหม่และการตอบสนองต่อโลกกายภาพก็จะเปลี่ยนไปอีกเช่นกัน
ที่มา:
Gartner.com
บทความที่เกี่ยวข้อง:
รู้จัก 5 ขั้นของการใช้ AI ในการการผลิต