การทำธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีการใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ การเก็บข้อมูลบน Cloud ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้กลายเป็นการทำงานพื้นฐานในยุคปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีระดับสูงอย่าง Digital Twin, เทคโนโลยีพกพา และ Hololens จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการทำธุรกิจเช่นกัน
เทคโนโลยีต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันนั้นเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนมันออกมาจากภาพยนต์ Sci-Fi กันเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะรถยนต์ไร้คนขับ ระบบโฮโลแกรม AI ดูแล้วก็นึกถึง 2001: A Space Odyssey หรือบางทีก็นึกไปถึงภาพยนต์น่ารัก ๆ แบบ Wall-E แต่เชื่อหรือไม่ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มีราคาถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้นทั้งในภาคผู้บริโภคและภาคการผลิต
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการผลิตนั้นมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างต่อเนื่อง การใช้งานเทคโนโลยีล้ำ ๆ ร่วมกันกับระบบการทำงานอื่น ๆ และแรงงานที่มีทักษะจะเปลี่ยนแปลงโรงงานของคุณให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ สามารถผลิตและวางขายได้รวดเร็วขึ้น มีความแม่นยำเพิ่มและลดต้นทุนลง สร้างความยั่งยืนและลดความสูญเปล่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้ผลชะงัดนักสำหรับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในปัจจุบัน
ถ้าจะให้เห็นภาพที่ชัดเจน ขอยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ในฐานะอุตสาหกรรมกระดูกสันหลังของประเทศซึ่งมีการลงทุนเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ เพื่อทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกระบวนการในการออกแบบ รวมไปถึงการดูแลปฏิบัติการณ์ต่าง ๆ โดยเทคโนโลยีที่น่าจับตามองมีดังนี้
Digital Twin
เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด และเราก็เคยเล่าถึงกันไปบ้างแล้ว แต่เจ้าเทคโนโลยี Digital Twin นี้ยังถือเป็นเทคโนโลยีที่สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างแตกต่างชัดเจน ด้วยความสามารถในการจำลองอุปกรณ์ในโลกทางกายภาพเข้าสู่โลกดิจิทัลหรือโลกเสมือเพื่อทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองโลก ทำให้สามารถคาดการณ์และออกแบบการทำงานต่าง ๆ ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำป้องกันเหตุไม่คาดคิดและความล้มเหลว
ยกตัวอย่างกรณีของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่าง TESLA ซึ่งติดตั้ง Digial Twin ให้กับยานยนต์ที่ผลิตทุกคัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลดูวงจรอายุเพื่อสามารถจัดการปัญหาในแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นกับยานยนต์แต่ละคันได้โดยการอัพเดตซอฟต์แวร์หรือทำการซ่อมผ่านระบบดิจิทัล สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในยุคปัจจุบันนั้นถูกทำให้มีความสามารถในการตรวจสอบ Supply Chain ได้อย่างโปร่งใส แต่การมาถึงของ IoT และ Digital Twin จะเป็นการเพิ่มศักยภาพเล่านี้ให้เม็ดเงินลงทุนทุกหน่วยเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
แอปพลิเคชันในอุปกรณ์พกพาที่สามารถปรับแต่งได้
สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันสำหรับผู้คนในยุคปัจจุบัน มีแอปพลิเคชันมากมายที่เราเปิดใช้งานกันอยู่สม่ำเสมอจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมาสำหรับการทำงานในภาคการผลิตหรือพื้นที่การผลิตโดยเฉพาะ
แอปพลิเคชันยุคใหม่นั้นจะเห็นได้ว่าหลายตัวเป็นรูปแบบที่ใช้ฟรีหรือมีการซื้อขายในราคาถูกแต่มีจุดเด่นอยู่ที่การซื้อส่วนเสริมหรือ Add-on ที่เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างสำหรับการทำงานดิจิทัลจากสาขาอื่น เช่น อุตสาหกรรมบันเทิง การเขียนเวปไซต์หรืองาดนตรีที่มีการซื้อ Plugin เพิ่มเติมเพื่อใช้งานอุปกรณ์เสริมที่ต้องการ อาทิ Plugin สำหรับนับจำนวนผู้เข้าชม หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับการเลือกใช้ชุดเสียงเครื่องดนตรีท้องถิ่นในกลุ่มประเทศแอฟริกา เป็นต้น
ขอยกตัวอย่างผู้ผลิตกันชนรายหนึ่งที่ต้องการระบุปัญหาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่การผลิตได้อย่างแม่นยำ โดยโรงงานมีการผลิตกันชนต่อวันอยู่ในหลักร้อย การมีปัญหาเพียงหนึ่งจุดจะกลายเป็ฯความท้าทายที่ทำให้สายการผลิตทั้งหมดเกิดการชะลอตัว ซึ่งบริษัทนี้ได้เริ่มทำ Digital Transformation แล้วและแรงงานมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ติดตั้งเครื่องสแกนบาร์โค้ดเอาไว้ทำวห้สามารถได้รับข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นทันทีเป็นรายชิ้นส่วน ทำให้สามารถตัดสินใจดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
โทรศัพท์เคลื่อนที่จะเตือนแรงงานว่าชิ้นส่วนมีน้อยเกินกว่าระดับที่ต้องการ หัวหน้างานจะได้รับการเตือนและวางแผนแก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดความล่าช้าขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ถูกเก็บมาผ่านตัวสแกนนั้นทำให้ทุกแผนกได้รับข้อมูลสถานะของสายการผลิตไปพร้อม ๆ กันทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
Hololens
คุณยังจำระบบควบคุมยานในภาพยนต์อย่าง STAR WARS หรือ STAR TREK ที่เป็นภาพโฮโลแกรมลอยอยู่กลางอากาศแล้วควบคุมด้วยมือได้ไหม? Hololens เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้มีการใช้งานที่คล้ายคลึงกับนิยาวิทยาศาสตร์อันโด่งดัง เป็นการทำให้ภาพจากระบบดิจิทัลกลมกลืนไปกับโลกกายภาพ ซึ่งแรงงานสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่หรือทำงานได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานอุปกรณ์สวมใส่ศรีษะทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่จำลองทับซ้อนกับพื้นที่จริง แสดงข้อมูลดิจิทัลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกศรนำทาง ตารางแผนภูมิที่สนับสนุนกิจกรรมที่ผู้สวมใส่กำลังทำงาน หรือหากเป็นการอ่านรหัสข้อมูล เช่น บาร์โค้ด Hololens สามารถใช้งาน Augmented Reality (AR) เพื่อทำการโต้ตอบระหว่างวัตถุทางกายภาพ พื้นที่ และโลกดิจิทัลได้ ทำให้สามารถตัดสินใจหรือมีการควบคุมอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Hololens ยังเสริ่มความสามารถในการสื่อสาร ด้วยการเชื่อมต่อแรงงานหน้างานเข้ากับผู้เชี่ยวชาญจากที่ใดก็ได้ เช่น การติดต่อและรับคำแนะนำในการซ่อมบำรุงเมื่อเครื่องจักรทำงานผิดพลาดโดยไม่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเดินทางมา แต่จะเป็นการปฏิสัมพันธ์กันผ่าน Hololens
ความสามารถในการทำให้โลกเสมือนและโลกจำลองกลมกลืนกัน รวมไปถึงการฝึกอบรมและการทำงานร่วมกันผ่านเครือข่ายแบบ Real-time ทำให้เกิดโอกาสและความสามารถที่จะทำงานีท่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ เช่น การเดินสายต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีนี้เริ่มเข้ามามีส่วนในองค์กรมากขึ้นและซึมลึกลงเรื่อย ๆ
เทคโนโลยีเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ด้วยการเติบโตและการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยต้นทุนที่ถูกที่สุดหนีไม่พ้นแอปพลิเคชันซึ่งในยุคปัจจุบันหากเป็นการใช้ส่วนตัวจะอยู่ในช่วงหลักสิบหลักร้อย และหากใช้งานในองค์กรนั้นมีการเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันเป็นต้นไป ส่วน Hololens 2 นั้นหาก บวก/ลบภาษีแล้วคาดว่าน่าจะมีราคาอยู่ที่ราว 2 แสนบาทซึ่งไม่รวมค่าบริการพิเศษอื่น ๆ (เหมือนซื้อมือถือไม่รวมแอปพลิเคชัน) และเทคโนโลยีไฮเอนด์อย่าง Digital Twin ที่ต้องมีการลงทุนตั้งแต่ระดับโครงสร้างด้านเซนเซอร์ การลงทุนด้านระบบดิจิทัล ฐานข้อมูล อุปกรณ์ประมวลผลต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนเบ็ดเสร็จแล้วหลายสิบหลายร้อยล้านแน่ ๆ (ราคาขึ้นกับขนาดธุรกิจ)
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามามีส่วนร่วมในทุกอุตสาหกรรมไม่ช้าก็เร็ว อย่างน้อยการใช้งานแอปพลิเคชันนั้นมีให้เห็นกันโดยทั่วไปแล้วโดยเฉพาะในเรื่องการกรอกเอกสารออนไลน์ผ่าน Cloud ในบริษัทต่าง ๆ ดังนั้นผู้ประกอบการทุกคนครเริ่มทำการประเมินความพร้อมและความต้องการเทคโนโลยีของตัวเองทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที
ที่มา:
Themanufacturer.com