สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงงาน บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยซัมมิท พลาสเทค จำกัด (มหาชน) ในเครือไทยซัมมิทกรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มีฐานการผลิตครอบคลุมพื้นที่อุตสาหกรรมหลักที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครนายก และสมุทรปราการ รวมไปถึงฐานการผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม พร้อมทั้งขยายการลงทุนไปในธุรกิจประเภทอื่นอย่างต่อเนื่อง
คุณสาโรจน์ วสุวานิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยซัมมิทฮาร์เนส จำกัด (มหาชน) ในเครือไทยซัมมิทกรุ๊ป กล่าวว่า “กลุ่มไทยซัมมิทได้ลงทุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงอาร์แอนด์ดี เซ็นเตอร์ ยกระดับขีดความสามารถด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี หุ่นยนต์อัตโนมัติกว่า 1,765 ตัว เพื่อใช้งานภายในโรงงานรองรับอุตสาหกรรม 4.0 โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าจ้างแรงงาน และสามารถลดพนักงานลงกว่า 5,000 คน อีกทั้ง ยังมีการใช้พลังงานอย่างมีคุณค่า โดยโรงงานได้หันมาใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการประหยัดพลังงาน เช่น การปรับปรุงระบบ Air Compressor การใช้ระบบควบคุมหลอด LED ในโรงงาน”
“ขณะที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โครงการใหม่ของภาครัฐที่สร้างโอกาสในการลงทุน แต่ขณะนี้ยังไม่เกิดเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ภาคเอกชนยังไม่สามารถวางแผนการลงทุนได้ในอนาคต และทำได้เพียงเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพ ซึ่งบริษัทได้เตรียมพร้อมพัฒนาศักยภาพบุคลากร และเทคโนโลยีเพื่อรองรับโอกาสในการลงทุนในพื้นที่ EEC โดยเฉพาะ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์อัตโนมัติ ชิ้นส่วนอากาศยาน หาก พ.ร.บ.พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ…. มีความชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น” คุณสาโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยซัมมิทกรุ๊ป มีบริษัทในเครือรวมกว่า 40 บริษัท ครอบคลุมการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อประกอบในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ เช่น ชิ้นส่วนการขึ้นรูป ชิ้นส่วนการประกอบ ชิ้นส่วนพลาสติกประเภทฉีดและเป่า อะลูมิเนียมฉีดขึ้นรูป ระบบไฟสำหรับยานยนต์ แม่พิมพ์โลหะและพลาสติก อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน รวมถึงเครื่องจักรในสายการผลิต
ทั้งนี้ ยังได้มีการประมาณการยอดขายปี 2017 อยู่ที่ราว 79,136 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการผลิตชิ้นส่วนและการขายให้กับลูกค้ารายสำคัญ โดยแผนการตลาดในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าช่องทางการเติบโตในตลาดต่างประเทศนั้นมีสูงกว่าตลาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยซัมมิทกรุ๊ปยังคงต้องการมีส่วนแบ่งสำหรับตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้
ปัจจุบันในปี 2017 ทางกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทได้ทำแผนธุรกิจฉบับที่ 4 ซึ่งมีใจความสำคัญ คือ การไล่ตามบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ในระดับโลกให้ทันใน 4 ด้าน ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะประกอบไปด้วย กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ กลุ่มผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องยนต์การเกษตรและกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า
สำหรับธุรกิจของไทยซัมมิทกรุ๊ปสามารถแบ่งกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
- Automotive Metal Forming การผลิตชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ จุดเด่น คือ การขึ้นรูปชิ้นส่วนที่มีความแข็งแรงสูงมากกว่า 590 เมกะปาสคาล ใช้เทคโนโลยีม้วนขึ้นรูป การขึ้นรูปด้วยความร้อนและกระบวนการผลิตความเร็วสูง นอกจากชิ้นส่วนเหล็กแล้ว ยังมีการขึ้นรูปชิ้นส่วนตัวถังอะลูมิเนียมอีกด้วยรถยนต์ ไลน์ขึ้นรูปด้วยความร้อนสำหรับชิ้นส่วนภายในและอุปกรณ์ตกแต่ง ไลน์ประกอบแผงคอนโซลและแผงประตูในรถยนต์
- Motorcycle Structure การผลิตชิ้นส่วนตัวถังและโครงสร้างมอเตอร์ไซค์ครบวงจร จุดเด่น คือ สามารถผลิตชิ้นส่วนเหล็กและพลาสติกได้ทุกชิ้น ภายใต้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นไปตามความต้องการและมาตรฐานของลูกค้า
- Wiring and Electric Component การผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ จุดเด่น คือ เราสามารถร่วมออกแบบ ทำชิ้นงานตัวอย่าง และทดสอบให้กับลูกค้า โดยในกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วย ชุดสายไฟในรถยนต์ทั้งระบบ ชุดควบคุมประตู อุปกรณ์ในระบบปัดน้ำฝน และชุดมอเตอร์ควบคุมอื่นๆ รวมถึงการพัฒนาชิ้นส่วนทางไฟฟ้าอื่นๆ จำพวกสายไฟฟ้า ฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรมยานยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ขั้วต่อทางไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ใช้ในรถยนต์ต่างๆ ซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนแล้ว เรายังมองหาช่องทางในการขายสินค้าประเภทอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในยานยนต์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง หรือชิ้นส่วนที่สนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
- DFM (Die Casting / Forging and Precision Machining) การผลิตชิ้นส่วนฉีดขึ้นรูปโลหะ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จุดเด่น คือ เรามีประสบการณ์ทำชิ้นส่วนประเภทนี้มากว่า 30 ปี มีเครื่องฉีดขนาด 1600 ถึง 2500 ตัน ภายใต้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Frame and Chassis การผลิตชิ้นส่วนช่วงล่างรถยนต์ จุดเด่น คือ มีเครื่องปั๊มขึ้นรูปขนาด 3,000 ตัน สำหรับรถบรรทุกขนาด 1 ถึง 1.5 ตัน และมี EDP (Electro Dip Painting) ไลน์ชุบสีเพื่อป้องกันการกัดกร่อนของเหล็กกล้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- OGIHARA Corporation การผลิตชิ้นส่วนในกลุ่มบริษัทโอกิฮาร่า ซึ่งไทยซัมมิทกรุ๊ปได้ไปซื้อกิจการมาเมื่อหลายปีก่อน จุดเด่น คือ เป็นผู้ผลิตแม่พิมพ์ระดับโลก ซึ่งมีความสามารถทางด้านการผลิตแม่พิมพ์ปั๊มขึ้นรูปตัวถัง ประตู และชิ้นส่วนบอดี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุเหล็กกล้า หรืออะลูมิเนียมความแข็งแรงสูง โดยมีฐานครอบคลุมอยู่ 4 ประเทศหลัก คือ ญี่ปุ่น ไทย จีน และสหรัฐอเมริกา
- CARIO การผลิตรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ จุดเด่น คือ ราคาและการออกแบบ ซึ่งเริ่มต้นจากการพัฒนารถกอล์ฟไฟฟ้าที่ได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยมีตั้งแต่ 2 ที่นั่ง 4 ที่นั่ง 6 ที่นั่ง และมีการขยายจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแผนผลิตรถประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น รถ ATV รถอเนกประสงค์ที่ใช้ตามโรงงานอุตสาหกรรม
ขณะที่ทางด้านเทคโนโลยีนั้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 นั้น ไทยซัมมิทกรุ๊ปมีการลงทุนเครื่องจักรความเร็วสูงและหุ่นยนต์ตรวจสอบงานชิ้นส่วนถังตัวรถยนต์ ใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนในจุดที่ยากและเมื่อยล้า ช่วยลดกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม อีกทั้ง มีการบริหารจัดการแบบ Visual Control และการพัฒนาไปสู่การจัดการข้อมูลการผลิตผ่านหน้าจออุปกรณ์พกพา เช่น โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต มือถือ เป็นต้น
ในส่วนของการขับเคลื่อน พัฒนาองค์กร กิจกรรมส่งเสริม และกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น ทางผู้บริหารลงพื้นที่เพื่อพบปะพูดคุยกับพนักงาน ติดตามความเป็นไปในกระบวนการผลิต และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสนำเสนอการปรับปรุงที่ตนเองมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ยังได้มีการชมเชย ให้กำลังใจ รวมทั้งให้รางวัลแก่พนักงาน ภายใต้โครงการที่เรียกว่า CIW (Continuous Improvement Walk)
นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมปรับปรุงอื่นๆ ที่เกิดจากการร่วมกันทำโดยตัวแทนของโรงงานต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และค้นหาการปฏิบัติที่เป็นเลิศนำไปสู่การบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านการจัดการการผลิตของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทอย่างต่อเนื่อง เรียกว่า 8CA (8 Core Activities) ได้แก่ Safety, QCC, Lean (TSPS), Engineering Day, Smart Factory, CIW, 100P, Knowledge Sharing
อย่างไรก็ตาม ไทยซัมมิทกรุ๊ปได้มุ่งเน้นการยกระดับความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับสูงสุด คือ สามารถออกแบบร่วมกับทางผู้ผลิตรถยนต์ได้ และมีความพร้อมในด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภท ทั้งด้านการทดสอบชิ้นส่วนเหล็ก พลาสติก และชิ้นส่วนทางไฟฟ้า อีกทั้ง ยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบา เช่น ชิ้นส่วนประตูด้านหลังที่เป็นอะลูมิเนียม และแมกนีเซียม ทั้งนี้ โรงงานของไทยซัมมิทกรุ๊ปที่สหรัฐอเมริกาได้เสนอราคาขายชิ้นส่วนเหล็กหรือบอดี้พาร์ทส โดยจะผลิตและส่งมอบให้กับเทสลาภายในปี 2560 สำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา
EXECUTIVE SUMMARY
The Federation of Thai Industries took the press to visit the factories of Thai Summit Harness (Public) Co., Ltd., and Thai Summit Plastec (Public) Co., Ltd. in Thai Summit Group; the automobile part manufacturer that has manufacturing base located in Thailand’s major industrial areas as Chonburi, Rayong, Nakhonnayok, and Samutprakarn as well as oversea manufacturing base as China, India, Indonesia, Japan, Malaysia, America, and Vietnam, while Thai Summit Group also continually expands its investment in other types of business.
Mr. Saroch Wasuwanich, Vice President of Thai Summit Harness (Public) Co., Ltd. in Thai Summit Group said that Thai Summit Group has additionally made investment to increase competitiveness, and product development as well as R&D Center to enhance its competency by developing automated robot technology for over 1,765 robots in order to use within its factories and take up Industry 4.0 with no need to import them from oversea countries. This effort could significantly reduce labor cost, and 5,000 employees as well as worthily consume energy as the factory has turned to use technology to help saving energy such as improve Air Compressor system, use LED bulb control system within factory, etc.
In addition, Thai Summit Group has made investment on high speed machineries, and automobile body part checker robots to use robot working in difficult spot that causes the fatigue instead of human, and reduce down the process that causes no value, as well as Visual Control management, and development toward data management via handheld device screen such as notebook, tablet, smartphone, etc.