Saturday, November 23Modern Manufacturing
×

โลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ภายใต้แนวคิด Connected Enterprise

แนวคิด Connected Enterprise หรือการเชื่อมต่อกันทั้งองค์กรถูกชูขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญอีกครั้งภายในงาน Automation Fair 2018 ซึ่งมาจากแรงส่งของการร่วมมือกันระหว่าง Rockwell Automation และ PTC ที่ทำให้การทำงานระหว่าง Operation Technology และ Information Technology เกิดขึ้นได้อย่างมีเสถียรภาพและสร้าง Productivity ให้เกิดผลลัพธ์สูงที่สุด

โลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ภายใต้แนวคิด Connected Enterprise

สำหรับ Connected Enterprise อาจไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดสำหรับปี 2018 นี้ ในความเป็นจริงแล้วการเข้าถึงและเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งผลิตหรือหน่วยงานในหน่วยงานหนึ่งในองค์กรนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่การใช้ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ทแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของ IoT และ Big Data ที่ทำให้สามารถรีดเร้นประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงสุดได้ด้วยการใช้ข้อมูลที่แม่นยำและครอบคลุมรอบด้านตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงผู้บริโภค

รู้จัก Connected Enterprise ให้มากขึ้น

แนวคิดเรื่อง Connected Enterprise เรียกได้ว่าเป็นบทสรุปที่เกิดขึ้นจาก Digital Transformation โดยนำผลลัพธ์ของการใช้งานเทรนด์ดิจิทัล ได้แก่ Smart Manufacturing, Big Data, IoT และระบบ Cyber Physical เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานไม่ว่าจะเป็น Productivity คุณภาพต่าง ๆ ความร่วมมือในองค์กร และรายได้ที่มากขึ้น สร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเครื่องจักร การทำงาน การซ่อมบำรุง การบริหารจัดการซัพพลายเชน รวมถึงลูกค้าสัมพันธ์ นำมาซึ่งผลลัพธ์สำคัญ 4 ประการ ดังนี้

  1. การผสานและประมวลผลของทั้งองค์กร
  2. แบ่งปันผลลัพธ์ข้อมูลการทำงานทั้งห่วงโซ่มูลค่า
  3. สร้างความมั่นใจในการเชื่อมต่อกับระบบการผลิต เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  4. เพิ่มความสามารถและปรับปรุงกระบวนการผลิตเดิม

Digitalization สามารถลดระยะเวลาของสินค้าที่ถูกส่งถึงมือผู้บริโภคลงได้ถึง 50% ลดการผลิตชิ้นส่วนที่ผิดพลาด 50% รวมถึงสร้างความพึงพอใจในตัวสินค้าจากลูกค้าหรือผู้บริโภคจากการเพิ่มมูลค่าของกระบวนการผลิต ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าแนวคิด Connected Enterprise นั้นสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้จริงด้วยการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในการทำงาน

Connected Enterprise ทำงานอย่างไร

การดำเนินการทุกขั้นตอนล้วนก่อให้เกิดข้อมูลจำนวนมาก การเก็บข้อมูลเหล่านั้นจากทั้งการดำเนินการของผู้คน กระบวนการขั้นตอนในระบบต่าง ๆ รวมถึง ข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรือชิ้นส่วน และการตอบรับจากลูกค้า สามารถทำให้เห็นเทรนด์ แนวโน้ม รวมถึงสถานะขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ได้แบบ Real-Time ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง แปลงข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการสู่ข้อมูลดิจิทัลที่สามารถนำไปต่อยอดการใช้งานผ่านเครื่องมือที่เหมาะสม สร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการใช้งานข้อมูลที่เกิดขึ้นให้เกิดศักยภาพสูงสุด

“ลดเวลากว่าหมื่นชั่วโมงต่อปีในการบันทึกข้อมูลและทำรายงาน รวมถึง Yield เพิ่มขึ้นจาก 86% เป็น 89%
Arkansas Steel Associates

ข้อมูลจำนวนมากที่เกิดขึ้นจะถูกคัดกรองผ่านเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดไว้เพื่อสร้างหมวดหมู่และลำดับความสำคัญ ซึ่งจำเป็นต่อการนำไปวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการกิจกรรมการปฏิบัติงาน การวางแผนซ่อมบำรุง การวางแผนฝึกฝนทักษะและการเติบโตในเส้นทางการทำงาน การบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้งานด้านการตลาดด้วยเช่นกัน

ในการสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการเก็บข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงและทำงานแบบ Real-Time นั้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การเชื่อมต่ออันทรงประสิทธิภาพเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนแปลงหรือติดตั้งเครื่องจักรใหม่การใช้เครื่องจักรที่รองรับการเชื่อมต่อและการประมวลผลข้อมูลได้เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเซนเซอร์ หน่วยประมวลผลอัจฉริยะ รวมถึงระบบเครือข่ายคุณภาพจึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Connected Enterprise ซึ่งในเบื้องต้นสามารถนำเทคโนโลยีมาอัพเกรดกระบวนการทำงานในหน่วยขนาดเล็ก หรือภาคส่วนที่มีความสำคัญก่อนโดยไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งระบบในครั้งเดียว

เมื่อเกิดการเชื่อมต่ออะไรจะถูกอัพเกรดบ้าง?

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้าง Ecosystem ให้พร้อมตอบสนองต่อการทำงานที่เน้นคุณภาพและความคุ้มค่านั้นขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับหัวใจสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่

  1. ผู้คน
  2. กระบวนการ
  3. ผลิตภัณฑ์/สินค้า

โดยการเข้ามามีส่วนร่วมกับหัวใจหลักทั้ง 3 นี้จะทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างมีศักยภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนและความสูญเสียที่น้อยลง เช่น การวิเคราะห์การออกแบบเพื่อหาจุดรับน้ำหนักที่แท้จริง การส่งต่อทักษะให้กับแรงงาน หรือการเพิ่มคุณภาพให้กับสินค้าเป็นต้น การอัพเกรดเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาในแต่ละขั้นตอนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะไม่ว่าจะเป็นการเกษียณอายุ การลาออก หรือปัญหาสังคมผู้สูงอายุซึ่งแหล่งข้อมูลระบุว่าในปี 2025 นั้นตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะว่างลงกว่า 2 ล้านตำแหน่ง นั่นหมายถึงการขาดแคลนแรงงานซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันธุรกิจ และการเข้ามาเสริมทัพของเทคโนโลยีจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานผ่านข้อมูลที่ชัดเจน

“หน่วยการผลิตแต่ละหน่วยแสดงผล OEE ที่เพิ่มขึ้นกว่า 20%
ROCKLINE Industries

เรื่องใหญ่? เรื่องไกลตัว? กลัวการเปลี่ยนแปลง?

Digital Transformation เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกและสร้างความแตกต่างของการแข่งขันในระดับที่ไม่อาจเทียบกันได้กับรูปแบบการแข่งขันเดิม ดังนั้นคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้จะต้องมาถึงผู้ผลิตทุกคนในไม่ช้า หากต้องมานั่งกลัวอนาคตที่ต้องมาถึงอย่างแน่นอนสู้เรียนรู้และก้าวข้ามมันไปเสียจะดีกว่าการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอย่างไร้ค่า

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของดิจิทัลขึ้น คำสำคัญอาทิ Smart Factory, Industry 4.0, AI, IoT, Smart Device หรือแม้แต่ Connected Enterprise อาจฟังดูยุ่งยาก ยิ่งใหญ่ ซับซ้อน และไม่อาจเข้าถึงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วองค์ประกอบหรือปัจจัยของเทรนด์เหล่านี้กลับถูกใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานสมาร์ทโฟน Search Engine หรือแม้กระทั่งโซเชียลเน็ทเวิร์ค ต่างมีการแฝง Algorithm สำหรับการรวบรวมข้อมูล การส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย การประมวลผลบน Cloud ส่งผลให้คาดเดาพฤติกรรมผู้ใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่สำหรับงานอุตสาหกรรมหรือระดับองค์กรนั้นจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เยอะกว่ารวมถึงมีความอ่อนไหวที่ต้องบริหารจัดการ เช่น การคุกคามทางดิจิทัล ปัญหาไวรัส การล้มเหลวของระบบ หรือการคัดกรองที่ผิดพลาดเป็นต้น แสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีที่คิดว่าไกลตัวนั้นเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันที่ไม่เคยทำความรู้จักในรายละเอียดเชิงลึกเสียมากกว่า

แน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ระบบและวิธีการดำเนินการ หน้าที่บทบาทของแรงงานหรือมนุษย์ในระบบจะต้องเปลี่ยนไป ซึ่งความสามารถในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนถือเป็นศักยภาพหลักของมนุษย์ที่ยังไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ บทบาทแรงงานจะถูกใช้ในส่วนที่มีมูลค่าหรือความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมที่เน้นการใช้แรงกายในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อสวัสดิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะด้านความเสี่ยงสุขภาพ อุบัติเหตุ และการเมื่อยล้าต่าง ๆ ในภาพรวมหมายถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าการปรับตัวเพื่อสิ่งที่ดีกว่าไม่มีอะไรเสียหายและมันไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่ข้อมูลข่าวสารส่วนมากสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากกระแส Digital Transformation ได้เริ่มขึ้นแล้วและทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องในปัจจุบัน คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ธุรกิจของคุณจะนำความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาเป็นจุดแข็งได้อย่างไร แน่นอนว่าการทำความเข้าใจธุรกิจตัวเองให้ได้มากที่สุดเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นเป็นผู้นำ และการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ได้ครบถ้วนที่สุดเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ประตูบานถัดไปของธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีเพื่อรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ให้ครอบคลุมกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้น แนวคิด Connected Enterprise ที่เกิดขึ้นจาก Digital Transformation จะสร้าง Flow การทำงานที่มีประสิทธิภาพและวัดผลได้อย่างชัดเจนแม่นยำในทุกการทำงานขององค์กร ด้วยกระบวนการที่สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

READ MORE

Notice: Undefined index: popup_cookie_abzql in /home/mmthaixaulinbx/webapps/mmthailand/wp-content/plugins/cardoza-facebook-like-box/cardoza_facebook_like_box.php on line 924