กว่า 30 ปี ที่ไทยซันเอะดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะ เพื่อป้อนแก่บริษัทที่ผลิตยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป และอื่นๆ สั่งสมความเชื่อมั่นและเชื่อใจผ่านคุณภาพ จนวันนี้ขึ้นแท่นผู้นำวงการผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย
ทว่ายุคนี้ ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป อุตสาหกรรม 4.0 ก็กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงมาสู่กระบวนการผลิต สินค้าจากจีนและเกาหลีก็กำลังกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ญี่ปุ่น เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ คุณจีระเดช สุริยะคำ กรรมการบริษัท ไทยซันเอะ จำกัด ถึงทางรอดและโอกาสของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและแม่พิมพ์ในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ไปพร้อมๆ กัน
โอกาสทองวงการอุตสาหกรรมแม่พิมพ์
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเห็นตามท้องตลาดหลายยี่ห้อมีชิ้นส่วนของไทยซันเอะอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Sharp, Panasonic, Mitsubishi, Fujitsu, Hitachi และอื่นๆ อีกมากมาย คุณจีระเดช ให้ข้อมูลว่า กว่า 30 ปีแล้วที่หลายๆ บริษัท ไว้ใจให้ไทยซันเอะผลิตชิ้นส่วนรวมถึงทำแม่พิมพ์ให้
“เรามีโรงงาน 5 โรง แต่ละโรงก็ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ โดยสินค้าหลักเป็นชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ โรงงานทำบอดี้กล้องถ่ายภาพ โรงงานพ่นสี เป็นต้น
ลูกค้าส่วนใหญ่ของเรา นอกจากที่เราออกไปหาเองแล้ว ยังมีแบบบอกต่อและเห็นผลงาน เดินเข้ามาหาเราเองแต่ที่สำคัญเลยก็คือ ความเป็นญี่ปุ่นด้วยกัน เป็นส่วนหนึ่งที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของซันเอะ” คุณจีระเดชกล่าว
คุณจีระเดชกล่าวอีกว่า การที่ไทยซันเอะมีเครื่องมือ เครื่องจักรที่ทันสมัยรวมถึงมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญทำให้ไทยซันเอะกลายเป็นผู้ผลิตเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย
เมื่อความต้องการของผู้บริโภคไม่มีขีดจำกัด ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งกันสร้างนวัตกรรมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งปัจจัยนี้เองที่ทำให้คุณจีระเดชมองว่า เป็นโอกาสทองของวงการอุตสาหกรรมแม่พิมพ์
“ลูกค้าเขาก็แข่งขันกันรุนแรง มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แม่พิมพ์ต้องตามให้ทัน เราทำให้ได้ทุกอย่าง งานแม่พิมพ์ยิ่งโต ลูกค้าของเราจะบอกเราว่า ผมจะทำสินค้าใหม่นะ แล้วยื่นดรอว์อิ้งมาให้เราทำแม่พิมพ์รวมทั้งให้เรามีส่วนออกแบบด้วย เราก็ต้องตามให้ทัน ทำให้ได้ และต้องทำให้ดีด้วย
นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในความโดดเด่นและเสน่ห์ของเรา คือ ไทยซันเอะมีโรงงานทำแม่พิมพ์โดยเฉพาะ เรามีความสามารถในการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์ได้ เรามีลูกค้าที่จ้างเราทำแม่พิมพ์และมักจะให้ทำชิ้นส่วนด้วย เพราะเรามีศักยภาพในการทำแม่พิมพ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาจึงมีความมั่นใจและไว้ใจให้เราทำ” คุณจีระเดช กล่าวถึงจุดแข็งของไทยซันเอะ
อาทิตย์ที่ไม่อัสดง… ด้วยหลักคิด “ไคเซ็น”
วิจัย พัฒนา และพร้อมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แบบญี่ปุ่น เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมไทยช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนจะเป็นขาลง ทั้งด้วยสภาพเศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศถดถอยลงทำให้ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคลดลงตามๆ กัน
คุณจีระเดช วิเคราะห์ลึกลงไปอีกว่า ไม่ใช่เพียงสถานการณ์อุตสาหกรรมโดยรวมเท่านั้นที่แย่ลง แต่ผลิตภัณฑ์และสินค้าญี่ปุ่น ยิ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังถูกสินค้าจีนและเกาหลีตีตลาดอย่างหนัก ทั้งด้วยความแปลกใหม่และราคา
“สมัย 10 กว่าปีที่แล้ว หากพูดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีน หรือเกาหลี คนไทยไม่เอา เราจะใช้แต่ของญี่ปุ่น แต่ตอนนี้จีนและเกาหลีตีขึ้นมาแล้ว โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้าของญี่ปุ่นขายลำบาก คนไทยหันไปซื้อซัมซุง หรือ LG อย่างมือถือหรือสมาร์ทโฟน ก็มีซัมซุง หัวเว่ย แบรนด์ยุโรปอย่าง Nokia หรือ Motorola ก็เป็นของจีนหมดแล้ว เรื่องราคาเป็นปัจจัยหลัก ถือเป็นช่วงที่สินค้าญี่ปุ่นต้องลำบากมาก” คุณจีระเดช เล่าย้อน
คุณจีระเดช ยังเล่าอีกว่า สถานการณ์ที่ญี่ปุ่นเผชิญตอนนี้ คือ สิ่งที่เคยเกิดขึ้น เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว สมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามาตีตลาดสินค้าของยุโรปและอเมริกา ก็ต้องสู้กับเขาด้วยราคาเช่นกัน สินค้าญี่ปุ่นปรับปรุงคุณภาพสินค้าตัวเอง ด้วยแนวคิดไคเซ็น ซึ่งแปลว่า การปรับปรุงพัฒนา ถือเป็นหลักคิดในการทำงานของญี่ปุ่น ในที่สุดตีตลาดยุโรป และอเมริกาได้อย่างเด็ดขาด แต่ ณ วันนี้ ญี่ปุ่นกำลังจะโดนจีนและเกาหลีทำแบบเดียวกัน เปรียบไป “ไคเซ็น” ก็คือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในสภาวการณ์ที่กำลังถูกจีนและเกาหลีท้าทายอย่างหนัก คุณจีระเดชยังกล่าวว่า ไคเซ็น จะเป็นหัวใจหลักในการทำงาน จะยังคงทำงานด้วยความเชื่อมั่นต้องคิดใหม่ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ต้องสร้างนวัตกรรม และคุณภาพเท่านั้น คือ ทางรอด
เปิดวิสัยทัศน์ให้กว้างไกล
ความอยู่รอดของธุรกิจขึ้นอยู่กับการพัฒนายกระดับตัวเองและคุณภาพแต่คุณภาพที่ว่านี้ หมายถึงอะไร
นอกจากเทคโนโลยี เครื่องมือ และเครื่องจักรที่ทันสมัยและได้คุณภาพแล้ว อีกสิ่งที่ไทยซันเอะให้ความสำคัญมากเช่นกัน คือ บุคลากร ที่ต้องมีทัศนคติที่เปิดกว้าง รู้จักจุดอ่อนจุดแข็งตัวเอง รู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกเพื่อเปิดหู เปิดตา และพร้อมปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
“เราพัฒนาทั้งบุคลากร และเทคโนโลยีควบคู่กัน อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การส่งพนักงานไปดูงานที่โรงงานของลูกค้าบ้าง หรือ การเข้าชมงานแสดงเทคโนโลยี อย่างงาน Manufacturing Expo 2017 ซึ่งเป็นหนึ่งในแสดงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม งานใหญ่แห่งปีที่มีเทคโนโลยีด้านแม่พิมพ์มาจัดแสดงในพื้นที่ของ Intermold 2017 ก็เป็นอีกงานที่เราไม่พลาดที่จะเข้าชม เพื่ออัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมมองหาเครื่องจักรมาพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ช่างวิศวกร หรือแม้แต่บุคลากรที่เกี่ยวข้องจะต้องพากันไปเปิดหูเปิดตา ไปดูนวัตกรรมว่าโลกก้าวไปถึงไหนแล้ว” คุณจีระเดชกล่าวทิ้งท้าย