หลอดไฟอัจฉริยะจากผู้ผลิตชื่อดัง Echo จาก Amazon นั้นถูกรายงานว่าพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยว่ามีการดักฟังบทสนทนาของลูกค้าซึ่งมีพนักงานหลายพันคนได้ยิน และกลายมาเป็นความกังวลใจที่ส่งผลทั้งผู้ผลิตหลายรายรวมถึงผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
นักวิจัยจาก UTSA จึงได้ทำการทดสอบช่องโหว่ในหลอดไฟอัจฉริยะหลายยี่ห้อโดยตั้งเป้ากลุ่มที่ลูกค้าสนใจจะซื้อในช่วงวันหยุดเทศกาลที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยตีพิมพ์ผ่านหัวข้อที่ชื่อว่า ‘Light Ears: Information Leakage via Smart Lights,’
“หลอดไฟอัจฉริยะอาจติดตั้ง Infared มาด้วยและผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าคลื่น Spectrum เหล่านี้สามารถถูกควบคุมได้ทำให้เกิดการใช้งานที่ผิดวัตถุประสงค์ได้ เช่น ข้อมูลใด ๆ ก็ตามอาจถูกขโมย ไม่ว่าข้อความ ภาพ หรืออะไรก็ตามที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์” Murtuza Jadliwala ศาสตราจารย์และผู้อำนวยการ Security, Privacy, Trust and Ethics แห่ง Computing Research Lab
หลอดไฟอัจฉริยะบางยี่ห้อติดตั้งเข้ากับเครือข่ายบ้านโดยไม่ต้องการ Smart Home Hub หรืออุปกรณ์ใด ๆ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อการสื่อสารกับอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่ง Smart Home Hub ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ในบ้านเข้าด้วยกันหรือติดต่อกับ Cloud จะมีประโยชน์อย่างมากกับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ Zigbee หรือ Z-Wave หรือ Bluetooth มากกว่า Wi-Fi ซึ่งระบบเหล่านี้จะมีมาตรการด้านความปลอดภัยในเบื้องต้นอยู่แล้ว
และหากหลอดไฟเหล่านี้มีการใช้งาน Infared เหล่า Hacker สามารถใช้คำสั่งผ่านแสง Infared เพื่อขโมยข้อมูลหรือเจาะเข้ายังอุปกรณ์อื่น ๆ ในเครือข่ายได้โดยเจ้าของบ้านไม่รู้ตัวเลยว่าโดยโจมตีเนื่องจากคำสั่งที่ขโมยข้อมูลนั้นอยู่ในระบบพื้นฐานของบ้านโดยไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตก็ได้
ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะในโรงงานจะเป็นอย่างไร? ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะมีมากมายขนาดไหน แม้ว่าหลอดไฟอัจฉริยะเหล่านี้อาจไม่ได้ถูกติดตั้งในพื้นที่การผลิต แต่สำหรับพื้นที่ที่มีการลดขนาดลงมาอย่างสำนักงาน หรือคลังชิ้นส่วนขนาดเล็กก็มีความเป็นไปได้สูงในการใช้งานทีเดียว ดังนั้นหากใครมีการใช้ระบบหลอดไฟอัจฉริยะโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีระบบ Infared ขอให้ตรวจสอบกับผู้ผลิตให้ดีครับว่าปัญหาดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับผลิตภัณฑ์หรือไม่ และได้รับการแก้ไขหรือยัง?
ที่มา:
Sciencedaily.com
