สสว. เปิดเผยผลสำเร็จ “โครงการปั้นดาว ปี 2563” ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอีได้กว่า 180 ราย สร้างรายได้เพิ่มกว่า 40 ล้านบาท หวังเป็นต้นแบบในการพัฒนาเอสเอ็มอีแบบก้าวกระโดด เพิ่มความแข็งแกร่งให้รากฐานเศรษฐกิจของไทย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผย ความสำเร็จของ “โครงการปั้นดาว” ในปี 2563 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจของชุมชนกว่า 40 ล้านบาท ดังนั้น สสว. จึงได้เดินหน้า โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกับ 4 มหาวิทยาลัยของรัฐ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ล่าสุด เตรียมขนทัพสินค้าระดับพรีเมี่ยมทดสอบตลาดให้ผู้บริโภคได้จับจ่ายใช้สอยสินค้าราคาสุดพิเศษ ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2563 ณ อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ
โครงการนี้วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาและต่อยอดผู้ประกอบการ และวิสาหกิจทุกระดับแบบครบวงจรในทุกมิติ ให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น มีโอกาสในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ซึ่งหน่วยร่วมโครงการฯ ทั้ง 4 หน่วยงาน เป็น Excellence Center ที่ สสว. ได้ร่วมมือกับ 4 มหาวิทยาลัย พัฒนาขึ้นเมื่อปี 2562 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเข้าถึงการพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุน ของผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งได้แบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบเพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจุดเด่นของปี 2563 จะเน้นส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการเชิงลึกแบบเข้มข้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยการสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการแบบลงมือปฏิบัติจริง ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกว่ามีศักยภาพแข่งขันในตลาดจากทั้ง 4 หน่วยร่วม รวม 73 ราย จะได้เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบการตลาดจริง เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้ม และ ความต้องการตลาดของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตน
“ทั้งนี้ โครงการปั้นดาว ปี 2563 นอกจากเป็นการเชื่อมโยงหรือบูรณาการการทำงานผ่านมหาวิทยาลัยและเครือข่ายซึ่งเป็นแหล่งทางปัญญาและผู้รู้แล้วยังสามารถเชื่อมโยงไปยังผู้ประกอบการทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง สสว. ยังคาดหวังว่าผู้ประกอบการที่ได้รับการปั้นให้เป็นดาวแล้ว จะสามารถทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ต่อไปด้วย” นายวีระพงศ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินโครงการ ปั้นดาว ปี 2563 สามารถพัฒนาต่อยอดและยกระดับผู้ประกอบการและวิสาหกิจทุกระดับจำนวน 180 ราย จากผู้สมัครทั่วประเทศกว่า 625 ราย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท
นอกจากนี้ โครงการปั้นดาว ปี 2563 ยังประสบผลสำเร็จในการสร้างแบรนด์เอสเอ็มอีให้เข้มแข็ง พบว่ามีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น อาทิ เซรั่มจากสารสกัดมังคุด จากแบรนด์เพ็ชรคีรี ขนมไทยหวานน้อยเพื่อสุขภาพ จากแบรนด์ขนมไทยไกลหวาน เห็ดนางฟ้าแปรรูป จากวิสาหกิจชุมชนเพาะและแปรรูปเห็ดบ้านสวนแม่ทะ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ผ้าปัก จากผ้าใยกัญชงและไหมประดิษฐ์ จากวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ และ แมลงทอดบรรจุกระป๋อง มะเขือเทศอบแห้ง กล้วยทอด จากแบรนด์ภูฟาร์ม เป็นต้น โดยภายในงานคาดว่าจะมียอดจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงาน 73 ราย ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท
“นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังสามารถต่อยอดผลิตเป็นสินค้าขยายไปสู่ตลาดโลกได้อีกมาก นับได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกเป็นจำนวนมากผลิตสินค้านวัตกรรมอื่นได้ในอนาคต รวมทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับประเทศไทยไปสู่ “Thailand 4.0” ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป” นายวีระพงศ์กล่าว
สำหรับผู้จัดจำหน่าย ผู้ส่งออก และผู้บริโภคท่านใดที่สนใจผลิตภัณฑ์คุณภาพจากผู้ผลิตโดยตรง สามารถมาเลือกชมสินค้าได้ภายในงาน โครงการปั้นดาว “วิถีไทย อุดหนุนไทย ร่วมใจ ฝ่าวิกฤต” ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2563 เวลา 07.00 น. – 17.00 น. ณ อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ มาร่วมพลังสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย สร้างไทยให้กว้างไกลไปด้วยกัน