ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Expert) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 อยู่ที่ 55 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ สงครามการค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก การเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปก และนโยบายของกลุ่มโอเปกในการควบคุมการผลิตเพื่อรักษาสมดุลของตลาด
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา 2019 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Sustainable Energy…Shaping A Better Future – อนาคตพลังงาน สานพลังเพื่อความยั่งยืน” ซึ่ง ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของ กลุ่ม ปตท. หรือ PRISM Expert ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้น เพื่อนำเสนอทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก
รวมถึงความท้าทายของพลังงานในอนาคตที่ต้องเผชิญ และแนวทางการรองรับเพื่อมุ่งสู่พลังงานที่ยั่งยืน รวมถึงการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน นักการเงินการธนาคาร สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป
“การวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานที่น่าสนใจจากทีม PRISM Expert กลุ่ม ปตท. และการได้ร่วมรับฟังความคิดเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิในช่วงการเสวนาฯ จะทำให้เรารู้ เข้าใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ อีกทั้งมองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจ เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ และสิ่งที่สำคัญคือ การร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกันสานพลังให้เกิดความยั่งยืน (Sustainable Growth for All) ให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต ตามนโยบายของ กลุ่ม ปตท.”
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เปิดเผยทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 2563 ว่า “ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.0 – 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และความต้องการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรอาจส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโตช้าลง
ทำให้กลุ่ม OPEC ยังคงต้องใช้นโยบายควบคุมการผลิตเพื่อรักษาสมดุลของตลาด ทีม PRISM Expert จึงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 จะอยู่ในช่วง 55 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยระยะยาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำมันที่ต้องติดตาม อาทิ นโยบายพลังงานสีเขียว และการพัฒนาของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่พลังงานที่ยั่งยืนอาจทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนไป”