ปตท. และบริษัทย่อย เผย ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2562 กำไรสุทธิ 55,250 ล้านบาท ลดลง 14,567 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 21 จากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปี 2562 ที่ปรับลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายเมื่อเทียบกับปีก่อนว่า เนื่องจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลง รวมถึงค่าการกลั่น และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลงเช่นกัน ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ ปตท. มีการปรับลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจไฟฟ้า และเร่งการลงทุนในโครงการที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว ซึ่งทำให้ยังคงรักษาผลประกอบการได้ อีกทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนพร้อมดำเนินมาตรการปรับปรุงผลประกอบการ (Productivity Improvement) เพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนลง
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ปตท. และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,121,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,437 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกับของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติโดยหลักจากธุรกิจจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากปริมาณขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมจากการที่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เข้าซื้อบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW)
อย่างไรก็ตาม ปตท. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 55,250 ล้านบาท ลดลง 14,567 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 21 จากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลง กำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ รวมถึงกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกันจากหลักการของธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีปรับลดลง แต่ต้นทุนก๊าซฯ ปรับสูงขึ้น
ในส่วนของกำไรภายหลังการจ่ายเงินปันผลให้แก่รัฐและผู้ถือหุ้น รวมทั้งภายหลังการจ่ายคืนเงินกู้ ปตท. จะนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ ที่สำคัญ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมถึงเดินหน้าสนับสนุน การดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม ตามกรอบการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างสมดุลใน 3 มิติ (People Planet Prosperity : 3P) โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทุกภาคส่วนอย่างบูรณาการเพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเมืองนวัตกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ อาทิ การก่อสร้างอาคาร Intelligent Operation Center ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในการเป็นศูนย์ควบคุมระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย และเป็นศูนย์ควบคุมกลางด้านความปลอดภัยแบบครบวงจร รวมถึงการสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่าน “โรงเรียนกำเนิดวิทย์” ที่นักเรียนรุ่นที่ 2 ได้สำเร็จการศึกษาจำนวน 70 คน โดยในจำนวนนี้ได้ทุนศึกษาต่อต่างประเทศในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถึง 41 คน และอาจารย์จากสถาบันวิทยสิริเมธี ยังได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2562 อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาพลังงานชุมชนด้วยระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพ จากความร่วมมือระหว่าง ปตท. องค์การบริหารส่วนตำบลป่ายุบใน สถาบันวิทยสิริเมธี และบริษัท เอเลแก้นท์ฟาร์ม จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรให้ชุมชนตำบลป่ายุบในใช้เป็นพลังงานสะอาด ตลอดจนพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงานชุมชนอย่างยั่งยืน
นอกจากการมุ่งส่งเสริมโครงการและกิจกรรมในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์แล้ว ปตท. ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมขับเคลื่อนโครงการ OUR Khung Bangkachao นำองค์ความรู้ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในกลุ่ม ปตท. มาปรับใช้กับกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบ Technology for Social Collaboration เพื่อมุ่งพัฒนาพื้นที่สีเขียว ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและชุมชนเพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนคุ้งบางกะเจ้าและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตเพิ่มขึ้นภายใน 5 ปี นอกจากนี้ ได้เปิด คาเฟ่ อเมซอน เซอร์คูล่า ลิฟวิ่ง คอนเซ็ปต์ ที่นำเยื่อกาแฟ (Coffee Chaff) ซึ่งเป็นของเหลือหลักจากโรงคั่วกาแฟ และขยะพลาสติก มาผลิตเป็นวัสดุตกแต่งและเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในร้าน และสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไทย เช่น มังคุด ลองกอง เป็นต้น รวมทั้งโครงการรวมพลังซื้อข้าวจากชาวนา ที่จัดสรรพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ให้เกษตรกรนำผลิตผลทางการเกษตรมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อให้เป็นจุดซื้อขายสินค้าทางการเกษตร ( Market Place ) ให้แก่ชุมชน
การดำเนินธุรกิจตลอดครึ่งปี 2562 ปตท. ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น เพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มพร้อมดูแลสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน