ข้อมูลจาก ABI Research พบว่ามูลค่าตลาดของ Collaborative Robot หรือ Cobot นั้นจะมีมูลค่าสูงถึง 11,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 ซึ่งในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ 711 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มูลค่าดังกล่าวยังไม่รวมถึงมือของหุ่นยนต์หรือ End-of-Arm Tooling (EOAT) และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องซึ่งอุปกรณ์ที่เป็นระบบแวดล้อมของ Cobot นั้นมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2019 และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 โดยอัตราเติบโต CAGR คิดเป็น 28.6% ในส่วนของนวัตกรรมซอฟต์แวร์นั้นมีการเติบโตจากมูลค่าตลาด 558 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 เป็น 10,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030 ซึ่งจะเน้นไปที่การวิเคราะห์ การรับรู้ การควบคุมการเคลื่อนไหว และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการณ์ ปัจจุบัน Cobot ถือครองสัดส่วนเพียง 5% ในกลุ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมและจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 29% ในปี 2030
จุดแข็งของมูลค่า Cobot กลับไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการทำงานร่วมกับมนุษย์ แต่สิ่งสำคัญกลับอยู่ที่ความสะดวกสบายในการใช้งาน ความสามารถในการ Re-Program และมีต้นทุนในการเป็นเจ้าของต่ำหากเปรียบเทียบกับระบบของอุตสาหกรรม ทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายอีกด้วย โดยมูลค่าที่สำคัญเหล่านี้เป็นการลดกำแพงสำหรับการต้องติดตั้งระบบหุ่นยนต์ใหม่ทั้งหมดสำหรับผู้ที่สนใจ การเติบโตนี้ไม่ได้มีปัจจัยมาจากการเพิ่มจำนวนการใช้งานเท่านั้นแต่ยังคงเกี่ยวข้องกับปัจจัยรองอื่น ๆ เช่น ความก้าวหน้าในด้านเซนเซอร์ Machine Vision และ Motion Control อีกด้วย สำหรับการทำงานของ Cobot ในปัจจุบันนั้นสามารถทำงานได้ในความเร็วที่ต่ำกว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรม มีศักยภาพในการทำงานและรองรับน้ำหนักที่ตามหลังหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดการปรับเปลี่ยนหากการเติบโตยังคงสูงขึ้นในทิศทางนี้
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจจากกรณีศึกษาของผู้ผลิต Jabil ที่ติดตั้ง Cobot จำนวนมากซึ่งใช้ประโยชน์หลักจากความสามารถในการติดตั้งทื่ง่ายดายและมีความสามารถที่ยืดหยุ่นหลากหลายเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นออเดอร์ที่ต้องการการปรับแต่งเฉพาะ คำสั่งที่มาในนาทีสุดท้าย และการผลิตที่ผสมผสานการใช้ออโตเมชันเข้าไปเล็กน้อย ซึ่งความท้าทายเหล่านี้ Cobot จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างศักยภาพในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่
ที่มา:
Roboticstomorrow.com